บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 2.38 บาท/หุ้น กำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 8-10 ต.ค.62 คาดนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 18 ต.ค.นี้
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CPW เปิดเผยว่า CPW กำหนดราคาไอพีโอไว้ที่หุ้นละ 2.38 บาท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุน 380.8 ล้านบาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) 19.83 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 ถึง ไตรมาส 2 /2562) เทียบกับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เฉลี่ยของ COM7 และ SPVI ซึ่งมีลักษณะการประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ CPW มีค่าเท่ากับ 20.47 เท่า
ทั้งนี้ จะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 8-10 ต.ค.62 โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส และบล.เคทีบี (ประเทศไทย) และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ ในวันที่ 18 ต.ค.62 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CPW"
ม.ล.ทองมกุฎ กล่าวว่า มั่นใจหุ้นไอพีโอของ CPW จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดี โดยบริษัทเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นสำมัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ สำหรับจำนวนหุ้นที่เสนอขาย จัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไปตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 56.31% นักลงทุนสถาบัน 35% ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 5.50% กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 3.19%
"ราคาไอพีโอของ CPW ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความน่าสนใจอย่างมาก ด้วยความเชี่ยวชาญของผู้บริหารในธุรกิจกว่า 19 ปี และศักยภาพการเติบโตของบริษัทในฐานะผู้นำธุรกิจสินค้ากลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ และการที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคของ IoT และ 5G เทคโนโลยีจะยิ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญ สนับสนุนให้สินค้าของบริษัทได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่า CPW จะเป็นหุ้นที่อยู่ในเทรนด์การเติบโต และได้รับความสนใจจากนักลงทุน ทั้งนี้ ไม่กังวลภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน เชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท อีกทั้งก่อนหน้านี้ ผู้บริหารโรดโชว์นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก"ม.ล.ทองมกุฎ กล่าว
ด้านนายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPW เปิดเผยว่า การระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้กับบริษัทฯ โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้หลังหักค่าธรรมเนียมต่างๆ จำนวนประมาณ 360.24 ล้านบาท ไปใช้ขยายสาขาร้านค้าปลีก 70.00 ล้านบาท การปรับปรุงสาขาร้านค้าปลีกปัจจุบัน 18.00 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนที่เหลือ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 272.24 ล้านบาท ระยะเวลาที่ใช้เงินโดยประมาณ ในช่วง มกราคม – ธันวาคม 2563
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ CPW เดินหน้ารุกตลาดสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์เต็มกำลัง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำที่มีสินค้าที่หลากหลายที่สุดในประเทศ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง (B2C) และมีธุรกิจค้าส่ง (B2B) ผ่าน บริษัท โคแอน จำกัด (KOAN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รวมทั้ง ช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ เสริมผลประกอบการให้แข็งแกร่ง หวังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ สินค้าเทคโนโลยีจะเข้ามาเข้ามาเติมเต็มและตอบโจทย์การใช้ชีวิต โดยสัดส่วนสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในงวดครึ่งปีแรกมีสัดส่วน 46.33% ของรายได้รวม สะท้อนกลยุทธ์ที่วางไว้ประสบความสำเร็จ และจะเติบโตรับโอกาสในอนาคต โดยบริษัทมีนโยบายขยายสาขาร้านค้าปลีกในปี 2563 จำนวน 6 สาขา ได้แก่ ร้าน .life และร้าน Apple Brand Shop เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทรวมถึงใช้ปรับปรุงสาขาร้านค้าปลีกจำนวน 3 สาขา ได้แก่ ร้าน .life ให้มีความทันสมัยและมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน CPW มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานของบริษัทฯ จำนวน 40 สาขา ได้แก่ ร้าน.life (ดอทไลฟ์) จำนวน 20 สาขา ซึ่งรวมร้านดอทไลฟ์ สาขาใหม่ล่าสุด ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ จะเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ร้าน iStudio by copperwired 13 สาขา ร้าน Ai_ สยามดิสคัฟเวอรี่ 1 สาขา ร้าน iServe 5 สาขา U-Store by copperwired 1 สาขา
ผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทคอปเปอร์ไวร์ด มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ มีสาเหตุหลักมาจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของการขายกลุ่มสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และการขยายธุรกิจค้าส่งของบริษัทย่อยซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง สำหรับผลประกอบการล่าสุดงวดประจำ 6 เดือนแรกปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,577.80 ล้านบาท เติบโต 5.90% กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 236.98 ล้านบาท เติบโต 8.56% กำไรสุทธิอยู่ที่ อยู่ที่ 26.48 ล้านบาท ลดลง 33.33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสะท้อนการบริหารจัดการของบริษัทฯ และสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรเติบโต
ขณะที่กำไรสุทธิปรับลดลง มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขาย เนื่องจากมีการปิดปรับปรุงร้าน .life สาขาสยามพารากอน ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ – ต้นเดือนเมษายน 2562 อีกทั้งยังมีการเปิดสาขาใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต สำหรับสัดส่วนรายได้หลัก งวดประจำ 6 เดือนแรกปี 2562 ได้แก่ กลุ่มสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ (Digital lifestyle) 46.33% กลุ่มโทรศัพท์มือถือ (Smartphone) 22.94% กลุ่มคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต (Computer & Tablet) 27.72% กลุ่มบริการซ่อมแซม และรับประกัน 2.43% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ มีสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว อาทิ Apple Watch, iPad, iPhone รุ่นใหม่ มั่นใจ จะเป็นช่วงที่ CPW สร้างการเติบโตได้สูงตามเป้าหมายที่วางไว้