บมจ.ทุ่งคาฮาเบอร์(THL)ปัดฝุ่นโครงการคอนโดฯ 29 ชั้นบริเวณถนนรัชดาภิเษกหลังได้ทุนจากสิงคโปร์เข้ามาเสริมเป็นแรงหนุนให้ปี 51 ผลประกอบการพลิกเป็นกำไรได้ นอกเหนือจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตทองคำ หลังจากติดตั้งเครื่องบดย่อยชุดที่ 2 เข้าสู่การทำงานเสร็จแล้ว และได้รับใบอนุญาตเปิดหน้าเหมืองใหม่ ขณะที่ปี 50 ยังขาดทุนเหตุผลิตทองคำพลาดเป้า
"ปี 51 น่าจะพลิกเป็นกำไรได้เพราะมีรายได้จากอสังหาฯเข้ามาในปีนี้และในส่วนของการสกัดทองคำน่าจะทำได้เต็มที่หลังจากได้ใบอนุญาตเหมือง T1-8 ที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้เปิดได้เต็มที่ ทำให้เชื่อว่าปีนี้น่าจะกลับมาเป็นกำไรได้เพราะเราทำทุกอย่างหมดแล้ว โดยรายได้หลักน่าจะเป็นเหมืองทองคำและอสังหาฯก็คงจะขึ้นมาช่วย"นายเฉลิมชัย มาตย์เมือง เลขานุการ THL กล่าว
*มั่นใจทำเลดีย่านรัชดาฯ-รับรู้รายได้ทันทีหลังเปิดขายใน Q1/51
THL นำโครงการ"เลอ เมโทร"ภายใต้บริษัท สกายคลิฟฟ์ที่เป็นบริษัทในเครือ มาปรับปรุงใหม่จากก่อนหน้านี้ที่ได้ชะลอไปเนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งจะนำกลับมาสร้างภายใต้ชื่อ"พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลลอปเมนต์ โปรเจ็คต์"มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท โดยได้แหล่งเงินจากสิงคโปร์ คาดว่าจะขายหมดเนื่องจากทำเลดีและใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
นายเฉลิมชัย คาดเริ่มก่อสร้างในต้นไตรมาส 2/51 และจะก่อสร้างเสร็จภายใน 24 เดือน หลังเปิดการขายในไตรมาส 1/51 คาดว่าจะรับรู้รายได้ทันที
"ขณะนี้กำลังพิจารณาตัวแทนขาย อยู่ซึ่งมีอยู่หลายราย เช่น ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นต้น ภายในสัปดาห์หน้าอาจจะต้องทำโชว์รูมใหม่ ถ้าขายได้ก็น่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/51 นี้เลย น่าจะขายได้หมดเพราะทำเลดี เดินลงไปก็เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จึงมั่นใจว่าจะขายได้หมดเพราะความต้องการคอนโดฯย่านรัชดายังมีสูงมาก มูลค่าโครงการ 1,000 กว่าล้านบาท หลายร้อยยูนิต" นายเฉลิมชัย กล่าว
สำหรับเงินลงทุนเป็นเงินที่ทางบริษัท ไอพีซี คอปปอร์เรชั่น(IPC)ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นธุรกิจหลักในสิงคโปร์ จะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินกู้ให้ทั้งหมด โดยเบื้องต้น IPC จะจัดหาเงินกู้ให้ 250 ล้านบาท หลังจากนั้น ก็จะเป็นตัวกลางจัดหาแหล่งเงินกู้จากธนาคารเพิ่มเติมให้อีก เพราะชื่อ IPC หาแหล่งเงินกู้ได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ ทางสกายคลิฟฟ์ยังพอมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่บ้าง
"สาเหตุที่กลับมาทำอสังหาฯ เนื่องจากใบอนุญาตเป็นของสกายคลิฟฟ์ ซึ่งเป็นรายสุดท้ายที่ได้ใบอนุญาตสร้างตึกสูง 29 ชั้น เพราะปกติคอนโดฯบริเวณนี้ช่วงหลังๆ จะได้ใบอนุญาตแค่ 8 ชั้น" นายเฉลิมชัย กล่าว
*คาดปีนี้ผลิตทองได้ตามเป้า หลังติดเครื่องบดย่อยเพิ่ม-เปิดหน้าเหมืองใหม่
ในด้านกิจการเหมืองทองคำปี 51 คาดว่าผลประกอบการน่าจะดีขึ้น เพราะเหมืองทุ่งคำได้ติดตั้งเครื่องบดย่อยชุดที่ 2 เข้าสู่การทำงานเสร็จแล้ว เมื่อเครื่องบดย่อยดังกล่าวพร้อมเดินเครื่องก็จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อดำเนินการกับสินแร่ชั้นทรานซิสชั่นซัลไฟด์ และออกไซด์ เพราะเครื่องบดย่อยชุดที่ 2 จะสามารถบดย่อยสินแร่ชั้นทรานซิสชั่นและซัลไฟด์ที่มีค่าความสมบรูณ์ของแร่มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชั้นออกไซด์ ทำให้คาดว่าปีนี้น่าจะสกัดสินแร่ทองคำได้ตามเป้าหมาย
ประกอบกับบริษัทได้ใบอนุญาตการเปิดหน้าเหมืองใหม่ T1-8 จากกรมอุตสาหกรรมพี้นฐานและการเหมืองแร่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการได้เปิดหน้าเหมือง T1-8 จะสามารถปรับปรุงการผลิตโดยการนำสินแร่ชั้นชั้นออกไซด์เข้าผลิตเพื่อให้ได้ความสมบรูณ์ของแร่ที่เพิ่มมากขึ้น
นายเฉลิมชัย กล่าวถึงในปี 50 ว่า ผลประกอบการยังน่าจะมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ เนื่องจากผลผลิตทองที่ลดลงต่ำกว่าประมาณการส่งผลให้เกิดผลขาดทุนสุทธิในบริษัท ทุ่งคำ จำกัด (เหมืองทุ่งคำ) เนื่องจากเกรดความสมบรูณ์ของแร่ที่นำเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ลดลง และการลดลงของความสามารถในการสกัดทองคำออกจากสินแร่ที่ต่ำ และในช่วงระยะเวลาดังกล่าวบริษัทไม่สามารถดำเนินการตัดชั้นแร่ใหม่ในพื้นที่ T1-8 ตามแผนงานเดิมได้เนื่องจากติดข้อกำหนดบางประการ
"ปี 50 การสกัดทองจะต่ำกว่าเป้าเพราะแหล่งที่จะเอาแร่มาอยู่ในเหมือง T1-8 ซึ่งตอนนี้ยังเอามาใช้ไม่ได้ ส่งผลให้ปี 50 ผลประกอบการยังน่าจะเป็นผลขาดทุนสุทธิอยู่เพราะรายได้ต่ำกว่าเป้า"นายเฉลิมชัย กล่าว
อนึ่ง งวด 9 เดือนปี 50 บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิ 103.45 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--