นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวภายหลังการหารือกับคณะกรรมการ บมจ.การบินไทย (THAI) ว่า คณะกรรมการTHAI มีมติให้ฝ่าบบริหารทบทวนแผนจัดหาเครื่องบิน 38 ลำ โดยให้เวลา 6 เดือนในการพิจารณา เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ในสภาวะขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ นายถาวร ระบุว่า ได้สั่งการให้บริษัทรายงานความคืบหน้าให้รับทราบทุกเดือน จนกว่าการทบทวนแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จ รวมทั้งให้บริษัทจัดทำแผนฟื้นฟูองค์กรและแผนบริหารธุรกิจฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ THAI กล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้องพิจารณาแผนการจัดหาเครื่องบินให้รอบคอบ และจะต้องให้ทันสถานการณ์ธุรกิจการบินที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงจากจำนวน 38 ลำ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การบินและสถานะการเงินของบริษัท
นายเอกนิติ กล่าวว่า คณะกรรมการต้องการให้บริษัทมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ หากไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อบริษัทในระยะยาว เพราะเครื่องบินเป็นเครื่องมือหลักในการหารายได้ ขณะที่ THAI มีเป้าหมายเป็น National Premium Airline ซึ่งคณะกรรมการจะช่วยกลั่นกรองแผนงานดังกล่าวก่อนเสนอไปยังรัฐมนตรี โดยจะพิจารณาอย่างละเอียด
"สมมติฐานการท่องเที่ยว เส้นทางการบินที่เปลี่ยนไป และเมื่อปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยก็ชะลอตัว จากสงครามการค้า ตอนที่ทำสมมติฐานยังไม่มี Trade War ถ้าเรายังดึงดันใช้สมมติฐานเดิมก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาด"นายเอกนิติ กล่าว
ขณะที่นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวว่า การจัดหาเครื่องบินจะต้องวิเคราะห์ตลาดและพิจารณาเงินทุนอย่างละเอียด โดยจะศึกษาปรับโครงสร้างของธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เกิน 8 เท่า จะต้องปรับลดหนี้และลดสินทรัพย์ (Asset) รวมถึงพิจารณาถึงการเพิ่มทุน ซึ่งมีทุนจดทะเบียนไม่มาก ทั้งหมดจะอยู่ในแผนฟื้นฟูองค์กร
รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Sale) มากขึ้น จากเดิมพึ่งพิงช่องทางเอเย่นต์เป็นหลัก โดยบริษัทจะไม่ลดความสำคัญเอเย่นต์ลง เพื่อไม่ให้การขายเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ในแผนระยะสั้นในช่วง 2 เดือนครึ่งหรือในไตรมาส 4/62 จะเร่งเพิ่มรายได้จากตั๋วโดยสาร ลดค่าใช้จ่าย อาทิ ปรับลดการทำล่วงเวลา (โอที) ของพนักงาน