มล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ CPW ในช่วงเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 8-10 ต.ค.62 นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเกินกว่าจำนวนที่จัดสรร สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ CPW ทั้งศักยภาพการเติบโตและโอกาสในอนาคต
CPW เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดราคา IPO หุ้นละ 2.38 บาท โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 3 แห่ง ประกอบด้วย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)
"ผมมั่นใจว่า CPW จะเป็นอีกหุ้นเด่นที่ได้รับการจับตามอง โดยในช่วงที่ผ่านมา เราได้เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจและมีความเข้าใจในโมเดลธุรกิจ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดี ลักษณะการประกอบธุรกิจเข้าใจง่าย อยู่ในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภค และมีโอกาสการเติบโตสูง เพราะสินค้าของ CPW เกี่ยวข้องกับ IoT และ 5G ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์การเติบโตในตลาดโลก ทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในช่วงเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอที่ผ่านมา และมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องในวันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 18 ตุลาคม 2562" มล.ทองมกุฎ กล่าว
ด้านนายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPW กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์จากแบรนด์ชั้นนำ ทันสมัย ตอบสนองลูกค้าสำหรับชีวิตยุคใหม่ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CPW ตั้งแต่วันที่ 8-10 ต.ค.62 ที่ผ่านมา ทำให้การเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเยี่ยม
งินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ หลังหักค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จำนวนประมาณ 360.24 ล้านบาท นำไปใช้ขยายสาขาร้านค้าปลีก 70 ล้านบาท ปรับปรุงสาขาร้านค้าปลีกปัจจุบัน 18 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนที่เหลือ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 272.24 ล้านบาท ระยะเวลาที่ใช้เงินโดยประมาณ ในช่วง ม.ค.-ธ.ค.63
ในปี 63 CPW มีนโยบายขยายสาขาร้านค้าปลีกของบริษัท 6 สาขา ในประเทศไทย ได้แก่ ร้าน .life และร้าน Apple Brand Shop รวมทั้ง มีนโยบายปรับปรุงสาขาร้าน .life 3 สาขา ให้มีความทันสมัยและมีเอกลักษณ์เพื่อพร้อมรับโอกาสการเติบโตของสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
"ตลาดนี้เรามองว่ายังใหม่ เป็นตลาด Blue Ocean ไม่รุนแรงเหมือนสมาร์ทโฟน ขณะเดียวกัน เราเป็นผู้นำที่อยู่ในตลาดสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์มากว่า 10 ปี และมีบริษัท โคแอน จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้ากลุ่มนี้ ทำให้ CPW ได้เปรียบ จึงมั่นใจว่า หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เราพร้อมมุ่งมั่นบริหารธุรกิจอย่างเต็มที่ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง" นายปรเมศร์ กล่าว
นอกจากนี้ CPW มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบัน สาขาส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองในเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแหล่งลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ในเดือนตุลาคม CPW จะมีร้านค้าปลีกรวมกัน 40 สาขา ได้แก่ ร้าน.life (ดอทไลฟ์) 20 สาขา ร้าน Apple Brand Shop ได้แก่ iStudio by copperwired 13 สาขา ร้าน Ai_ สยามดิสคัฟเวอรี่ 1 สาขา U-Store by copperwired 1 สาขา และศูนย์บริการซ่อมแซม ร้าน iServe 5 สาขา
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 1,577.80 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 236.98 ล้านบาท กำไรสุทธิสำหรับงวด 26.48 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 15.13% อัตรากำไรสุทธิ 1.68% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนยอดขายของสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่มีสัดส่วน 46.33% ของรายได้รวม และมีอัตราในการทำกำไรที่สูงกว่าสินค้าประเภทอื่น จึงทำให้กำไรขั้นต้นจากการขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งสัดส่วนรายได้ AppleCare + เป็นบริการการคุ้มครองเสริมรูปแบบใหม่ที่ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติม สนับสนุนกำไรให้โดดเด่นขึ้น ขณะที่ มีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (Debt to Equity Ratio: D/E Ratio) อยู่ที่ 1.35 เท่า