นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทบทวนเป้าหมายยอดขายและยอดโอนในปีนี้ใหม่เป็นรอบที่สอง หลังจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังชะลอตัวต่อเนื่องตามภาพรวมเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อการชะลอการซื้อ และบริษัทได้เลื่อนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการออกไปจากปีนี้ ทำให้จำนวนโครงการใหม่ลดลงเหลือ 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.6 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางแผนเปิดทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจกระทบเป้าหมายยอดขายที่เคยทบทวนไปรอบที่แล้วที่ 2.8 หมื่นล้านบาทมีโอกาสพลาดเป้า
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เลื่อนเปิดออกไป 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการ IDEO Q สะพานควาย มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท, โครงการย่านสุขุมวิท 59, โครงการย่านทองหล่อ และโครงการย่านลำสาลี โดยทั้ง 4 โครงการจะไปเปิดขายในช่วงต้นปี 63
นายชานนท์ กล่าวว่า การที่บริษัทตัดสินใจเลื่อนการเปิดโครงการออกไป เพราะต้องการศึกษาของตลาดในทำเลนั้นๆ ให้เข้าใจความต้องการของลูกค้ามากขึ้น พร้อมกับปรับรูปแบบโครงการให้เหมาะสม รวมทั้งรอดูสถานการณ์ของตลาดให้เหมาะสมกับจังหวะเปิดขายโครงการ
ที่ผ่านมา บริษัทให้ยกเลิกการขายโครงการ IDEO Q สะพานควาย และเลื่อนเปิดโครงการออกไป เนื่องจากราคาขายในครั้งแรกไม่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในย่านนั้นที่มองหาโครงการที่ราคาย่อมเยาว์ขึ้น ขณะที่ความตั้งใจในการพัฒนาโครงการในครั้งแรกบริษัทวางแผนทำโครงการในระดับพรีเมียม ทำให้ต้องตัดสินใจนำโครงการกลับมาปรับรูปแบบและราคาขายใหม่
นายชานนท์ กล่าวว่า บริษัทยังจะทบทวนเป้าหมายยอดโอนในปีนี้ด้วย จากที่คาดว่าอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท ถือว่าปัจจุบันมีความท้าทายค่อนข้างมากจากภาวะตลาดชะลอตัว โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (backlog) อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอนในช่วงไตรมาส 4/62 ราว 1.2 หมื่นล้านบาท จาก 4 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จ ได้แก่ IDEO Q VICTORY ซึ่งโอนได้เร็วกว่ากำหนด, IDEO MOBI Rangnam, IDEO Sathorn-Wongwian Yai และ Elio Del Nest นอกจากนี้ยังมีโครงการ Q ประสานมิตร ซึ่งสร้างเสร็จแล้วสามารถเปิดขายและโอนได้ทันที
ขณะที่บริษัททำยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกได้แล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 4/62 เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ได้แก่ IDEO จุฬา-สามย่าน, IDEO สุขุมวิท-พระราม 4, IDEO จรัญฯ 70-Riverview และ Q ประสานมิตร โดยในจำนวนหนี้มี 3 โครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น ส่วน Q ประสานมิตร เป็นโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง
โครงการใหม่ทั้ง 4 โครงการคาดว่าจะทำยอดขายราว 40% ในแต่ละโครงการช่วง 2 เดือนที่เปิดขาย หรือสร้างยอดขายได้ราว 5.2 พันล้านบาทในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ โดยโครงการใหม่ทั้งหมดมั่นใจแล้วว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสถานการณ์ขณะนี้ เนื่องจากราคาขายน่าสนใจมากขึ้นและเป็นราคาที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ ซึ่งบริษัทได้ปรับอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ลงบ้างตามภาวะตลาด โดยที่ 4 โครงการจะมีราคาขายตั้งแต่ 1.59-5.73 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62,000-149,000 บาท/ตารางเมตร
สำหรับ 4 โครงการใหม่ ได้แก่ 1. IDEO CHULA – SAMYAN เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 34 และ 35 ชั้น จำนวน 773 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,846 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท ทำเลใกล้ MRT สามย่าน จัด Pre sales วันที่ 9-10 พ.ย.นี้
2. IDEO SUKHUMVIT – RAMA 4 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 642 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,087 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท ใกล้ BTS พระโขนง เปิด Pre sales วันที่ 16-17 พ.ย.นี้
3. IDEO CHARAN 70 – RIVERVIEW เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 38 ชั้น จำนวน 1,421 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้าน ใกล้ MRT สถานีบางพลัด วิวแม่น้ำทุกยูนิต (ตั้งแต่ชั้น 10) เปิดจองผ่าน Online Booking วันที่ 5 พ.ย. นี้ และเปิดจองที่ Sales Gallery วันที่ 16-17 พ.ย.
4. Q PRASARNMIT เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น จำนวน 76 ยูนิต มูลค่าโครงการ 712 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 149,000 บาท/ตร.ม. ใกล้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จัด VIP Date วันที่ 8-10 พ.ย. นี้
นายชานนท์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าในอนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี เนื่องมาจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ตลอดจนระบบขนส่งมวลชนแบบราง อีกทั้งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้ว่าภาพรวมระยะสั้นยังมีความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและต่างประเทศก็ตาม
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมและความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม สามารถขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จแบบแข็งแกร่ง โดยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาปรับใช้ในโครงการเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้นในราคาที่สมเหตุผลและสามารถจับต้องได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงติดรถไฟฟ้า ซึ่งยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจาก 109 สู่ 319 สถานีในอนาคต
บอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง โดยการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบตลอดเวลาพร้อมกระแสเงินสดในมือกว่า 5,900 ล้านบาท (ข้อมูล ณ มิ.ย.62) ซึ่งบริษัทคอยติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศและเตรียมพร้อมปรับแผนธุรกิจหากมีความจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาวของบริษัท
"แม้ว่าสภาวะตลาดจะผันผวน แต่ดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศนั้นไม่ได้ลดน้อยลงหรือหายไปจากตลาดซึ่งอนันดาฯ ต้องศึกษาและทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างดีที่สุด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 4 โครงการ ที่เราพัฒนาด้วยความตั้งใจ จะได้รับการตอบรับอย่างดีและสามารถครองใจคนเมืองอย่างเช่นเคย" นายชานนท์ กล่าว