(เพิ่มเติม) ก.ล.ต.-พันธมิตรมอบรางวัล"บริษัทเกษียณสุข"ให้นายจ้าง 77 รายกระตุ้นสมาชิก PVD วางแผนการเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 16, 2019 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นประธานมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณบริษัทเกษียณสุข ให้กับนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 77 ราย โดยแบ่งเป็นรางวัลระดับทอง 28 ราย ระดับเงิน 37 ราย และระดับทองแดง 12 ราย ซึ่งมีสมาชิก PVD รวมกันกว่า 1.6 แสนคน จากนายจ้างที่สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 181 ราย ครอบคลุมสมาชิกกว่า 3 แสนคน

ในจำนวนนี้มีนายจ้าง 64 ราย เพิ่มแผนการลงทุนที่หลากหลายให้เหมาะกับลูกจ้าง และมีเงินสมทบให้ลูกจ้างตั้งแต่ 5% ขึ้นไป ขณะที่ลูกจ้างมีความกระตือรือร้นที่จะเพิ่มเงินสะสม โดยมีนายจ้าง 28 ราย ที่สมาชิก PVD มากกว่าครึ่งส่งเงินสะสมเข้ากองทุนมากกว่า 10%

สำหรับโครงการ "บริษัทเกษียณสุข" เป็นกิจกรรมหนึ่งของ ก.ล.ต.ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ให้บริการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ให้นายจ้างเห็นความสำคัญและนำไปสู่การปฏิบัติจริงในการเตรียมความพร้อมทางการเงินให้ลูกจ้างมีเงินพอใช้สำหรับวัยเกษียณโดยการออมและลงทุนผ่าน PVD

เนื่องจาก ก.ล.ต.พบว่า สมาชิก PVD ประมาณ 60% ได้รับเงินก้อนไม่ถึง 1 ล้านบาทในวันเกษียณอายุ ในขณะที่ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าคนไทยควรมีเงินอย่างน้อย 3-5 ล้านบาท ณ วันเกษียณเพื่อให้เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้หลังเกษียณ จึงสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่อาจมีเงินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตหลังจากไม่มีรายได้จากการทำงานแล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของการออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณ

ทั้งนี้ นายจ้างเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการกระตุ้นและสนับสนุนให้ลูกจ้างตระหนักถึงความจำเป็นของการออมเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งข้อมูลที่นายจ้างและคณะกรรมการกองทุนได้รับจากการร่วมกิจกรรมในโครงการ อาทิ การกระตุ้นให้ลูกจ้างสะสมเงินเต็มสิทธิ 15% ของเงินเดือน การมีแผนลงทุนที่หลากหลายให้เลือกตามความเสี่ยง รวมถึงมีแผนการลงทุนแบบสมดุลตามอายุ (life path) ที่ปรับสัดส่วนการลงทุนอัตโนมัติตามช่วงอายุของสมาชิก จะช่วยกระตุ้นให้ลูกจ้างเห็นความสำคัญของการวางแผนการเงิน การออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณผ่าน PVD จนสามารถมีเงินพอใช้ในวัยเกษียณได้

นางสาวเนาวรัตน์ จันทวานิช ฝ่ายกำกับธุรกิจออกแบบการลงทุนและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้มีการหารือกับกลุ่มนายจ้างในสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มการจ่ายเงินสมทบให้กับลูกจ้าง จากเดิมตามกฎหมายกำหนดให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนโดยหักจากค่าจ้าง และให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนด ซึ่งการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบจะต้องไม่ต่ำกว่า 2% แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง โดยการหารือดังกล่าวพบว่านายจ้างในสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเพิ่มการจ่ายสมทบให้ลูกจ้าง เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่จ่ายสมทบเฉลี่ยอยู่ที่ 5% แต่ก็มีบางบริษัทจ่ายสมทบสูงถึง 10-15% อยู่แล้ว

ปัจจุบันมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้นจำนวน 379 กองทุน มีลูกจ้างรวมกันเป็นจำนวน 3 ล้านกว่าคน นายจ้างรวม 19,008 ราย มีสินทรัพย์รวมกันประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยในช่วงที่มามีจำนวนบริษัทที่เข้ามาในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ซึ่งถือว่ายังค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับบริษัทที่ขึ้นทะเบียนกับกองทุนประกันสังคม (นายจ้างที่มีพนักงาน 2 คนขึ้นไป) ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 4 แสนราย ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก

นอกจากนี้ ยังมองว่าหากมีการผลักดันกองทุนการออมภาคบังคับ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม น่าจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้นายจ้างเข้ามาช่วยออมให้ลูกจ้างในระบบเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันร่างกฎหมาย กบช. อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าหากมีการผลักดันเป็นกฎหมายอาจใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ