นายกิตติ เตชะทวีกิจกุล รองประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น(MSC)กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 10% จากปีก่อนที่ทำรายได้พลาดเป้ามาที่ 5,389 ล้านบาท
เนื่องจากมองว่าในปีนี้ภาคธุรกิจจะมีการปรับปรุงระบบ IT ให้มีความทันสมัยเพิ่มขึ้นมาก จากตัวเลขที่คาดว่าภาคอุตสาหกรรมส่งออกโดยรวมจะเติบโต 17.5% จากปีก่อน ทั้งด้านยานยนต์และอะไหล่ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า อีกทั้งภาคธุรกิจธนาคารจะมีการปรับกลยุทธ์ในการแข่งขัน และมีความต้องการของลูกค้าที่จะนำ IT ไปสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ
นอกจากนั้น บริษัทจะเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับแนวคิด Green ICT โดยเริ่มจากภายในบริษัทก่อน และได้มีการปรับเปลี่ยนศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี Blade Center ในการทำ server consolidation และการพัฒนาระบบ Eworkflow เพื่อลดปริมาณการใช้งานเอกสารและเพิ่มความรวดเร็วในการปฎิบัติงาน และยังดำเนินกลยุทธ์ในการสร้างพันธมิตรกับบริษัทผู้พัฒนาซอฟแวร์ในภาคธุรกิจต่างๆ ด้วย เพื่อให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง
"ในปีนี้เรามองว่า ธุรกิจ IT น่าจะเติบโตขึ้น และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจตอนนี้เริ่มดี ซึ่งแตกต่างจากปีก่อนที่มีปัจจัยลบกดดันการเติบโตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมัน ปัญหาซับไพร์ม ทำให้ลูกค้ามีการชะลอการลงทุนด้าน IT ในหลายโครงการ จึงทำให้ผลประกอบการในปีที่แล้วไม่เป็นไปตามเป้า"นายกิตติ กล่าว
*ปรับแผนขายหุ้นเพิ่มทุน 119 ล้านหุ้นให้ธุรกิจไอทีจากเดิมขายสถาบัน คาดสรุปดีลสิ้นปีนี้
นายณรงค์ จารุวจนะ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการเงิน MSC กล่าวว่า บริษัทจะปรับแผนการขายหุ้นเพิ่มทุน 119 ล้านหุ้นมาเป็นการเสนอขายให้กับผู้ประกอบการด้าน IT ที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรแทน จากเดิมที่วางแผนจะขายให้กับนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากการที่สภาพคล่องของบริษัทค่อนข้างน้อยจึงส่งผลให้นักลงทุนสถาบันไม่สนใจเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนอาจจะไม่ได้ขายทั้งจำนวน โดยอาจจะมีการแบ่งขาย และบริษัทจะพยายามให้ดีลการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนสรุปภายในปีนี้
"ที่ผ่านมาเราได้มีการคุยกับผู้บริหารด้วยกันในการหาพันธมิตรที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งตอนนี้เราเหมือนเจ้าสาวที่จะหาคนมาแต่งงานด้วย แต่เจ้าบ่าวที่จะเข้ามาจะต้องเป็นผู้ทำธุรกิจที่สอดคล้องและผนวกให้เราแข็งแกร่งขึ้น ถ้าถามก็อยากได้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ IT ด้าน solution" นายณรงค์ กล่าว
จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่าจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว 119 ล้านหุ้นจะได้เม็ดเงินประมาณ 600 ล้านบาท ภายใต้ PE ที่ 12 เท่า โดยคาดว่าจะนำเม็ดเงินดังกล่าวมาใช้ขยายศูนย์ Data Backup และ Outsources
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า การได้พันธมิตรใหม่เข้ามาจะส่งผลให้ระดับรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงในเรื่องการแข่งขัน ที่ปัจจุบันธุรกิจ IT มีการแข่งขันกันสูง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อนหรือเท่ากับปีก่อนที่ 16% ถึงแม้ในปีนี้บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างการบริหารองค์กรใหม่ก็ตาม
นอกจากนี้ พันธมิตรที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะมีสิทธิในการเข้ามาถือหุ้นของบริษัทด้วยในสัดส่วน 20%ด้วย ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 60% ก็จะลดสัดส่วนลงมา แต่จะพยายามคงสัดส่วนไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 50%
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--