หุ้น TOP ราคาร่วงลง 3.64% มาอยู่ที่ 66.25 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 977.87 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.24 น. โดยเปิดตลาดที่ 68.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 68.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 64.75 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะ"เทรดดิ้ง"หุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) รอรับการฟื้นตัวของ IMO แต่อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นมองว่ายังไม่ถึงเวลาเข้าลงทุน จาก 1) Upside ที่จำกัด 2) งบฯไตรมาส 3/62 อ่อนแอ ทำให้หุ้นมีโอกาสถูกปรับประมาณการลง 3) ประเด็นบวกจาก IMO อาจถูกถ่วงด้วยด้วยต้นทุนน้ำมันและค่าขนส่ง
เชิงกลยุทธ์แนะนำนักลงทุนรอดูสถานการณ์ค่าการกลั่น หลังผ่านงบไตรมาส 3/62 ไปก่อน พร้อมปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ที่ 70.00 บาท อ้างอิง P/BV ที่ 1.1x (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1.0SD)
ทั้งนี้ คาดงบไตรมาส 3/62 จะมีกำไรสุทธิเพียงเล็กน้อย โดยค่าการกลั่นที่ดีขึ้นไม่เพียงพอชดเชยผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน และขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมากได้ สาระสำคัญดังนี้ 1) อัตราใช้กำลังผลิตโรงกลั่นเหลือ 100% หรือ 275 kbd (-3% QoQ, -13% YoY) เนื่องจากยังคาบเกี่ยวช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่ 30 วัน เดือน มิ.ย.-ก.ค.
2) กำไรขั้นต้นธุรกิจหลัก (Market GIM) ทำได้ US$6.0/bbl (+43% QoQ, -17% YoY) โดย GIM ฟื้นตัว QoQ จาก Crack spread ของธุรกิจโรงกลั่น ทั้งนี้ คาดว่าค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นเพียง US$1.9/bbl น้อยกว่าค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้น US$3.1/bbl เนื่องจากถูกถ่วงด้วยต้นทุน Crude premium ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เทียบกับไตรมาส 3/61 GIM หดตัวแรง YoY จากส่วนต่างราคาอะโรมาติกส์ PX, BZ
และ 3) ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปิดซ่อมบำรุง 650 ล้านบาท 4) ขาดทุนสต็อกน้ำมัน 1.2 พันล้านบาท หากหักรายการพิเศษ กำไรปกติทำได้ 1.0 พันล้านบาท (+108% QoQ, -72% YoY)
ส่วนไตรมาส 4/62 คาดกำไรปกติฟื้นตัว QoQ หลังผ่านการซ่อมบำรุงใหญ่ และค่าการกลั่นมีปัจจัยบวกจากมาตรการ IMO อย่างไรก็ตาม Crack spread ที่สูงขึ้นอาจถูกชดเชยด้วยต้นทุนน้ำมัน Crude premium ที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการน้ำมันดิบชนิดเบา และค่าขนส่งที่สูงขึ้นจาก 1) ต้นทุนเชื้อเพลิงของเรือขนส่งน้ำมัน 2) ความต้องการใช้เรือขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลช่วงไตรมาส 1, 4 และ 3) สหรัฐฯ คว่ำบาตรเรือขนส่งน้ำมันของจีน ล่าสุดค่าขนส่งเส้นทางตะวันออกกลาง-เอเชียเพิ่มขึ้นจากราว US$1-2/bbl เป็น US$5-7/bbl ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ผลกระทบของ TOP ยังจำกัด เนื่องจากบริษัทมีเรือขนส่งน้ำมันของตัวเอง 3 ลำ (ต้องการใช้ทั้งหมด 4 ลำ) โดยได้ทำสัญญาราคาไปแล้ว ทำให้มี Exposure บนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นเพียง 25%
หาก 9 เดือนปี 62 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็นเพียง 50-52% ของคาดการณ์ทั้งปี เนื่องจากค่าการกลั่นฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า โดยปรับกำไรสุทธิปี 62-63 ลง 33% และ 21% ตามลำดับ จากการปรับลดสมมติฐานหลัก 1) กำไรขั้นต้นธุรกิจหลัก (Market GIM) ลง 8-11% เป็น US$5.5-7.1/bbl 2) ราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยเป็น US$63-60/bbl ทำให้ Accounting GIM เหลือ US$5.0-7.1/bbl ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 62-63 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท (-37% YoY) และ 10.8 พันล้านบาท (+68% YoY) ตามลำดับ