ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,632.80 จุด ลดลง 1.66 จุด (-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 60,882.77 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,640.15 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,630.47 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 642 หลักทรัพย์ ลดลง 855 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 482 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบคล้ายคลึงกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็ก ๆ ตลาดฯแกว่งแคบมาก และดูไร้ทิศทางอย่างชัดเจน เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่-ต่างก็รอดูสัญญาณใหม่เข้ามา ทั้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่จบ ซึ่งต้องรอดูพัฒนาการต่อไป แต่เชื่อว่าท้ายสุดน่าจะตกลงกันได้
ส่วนบ้านเราก็รอดูการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีขึ้นในช่วงวันที่ 17-19 ต.ค.นี้ ซึ่งหากผ่านไปได้ก็จะเป็นบวก ทำให้ตลาดปลดล็อกไปได้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่ทยอยกันออกมาแล้วในช่วงนี้ เท่าที่ดูตลาดฯยังไม่เชื่อมั่นเท่าไร และขณะนี้เริ่มมีการ Preview ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาแล้ว ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งเท่าที่ Preview งบฯไตรมาส 3/62 ออกมาไม่ดีเท่าไร โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มโรงกลั่น ทำให้วันนี้ตลาดฯได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 ต.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ โดยให้ติดตามงบฯกลุ่มแบงก์ที่จะออกมามากในวันพรุ่งนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
AWC มูลค่าการซื้อขาย 3,648.56 ล้านบาท ปิดที่ 6.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,818.84 ล้านบาท ปิดที่ 87.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,391.17 ล้านบาท ปิดที่ 230.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,210.87 ล้านบาท ปิดที่ 82.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,097.73 ล้านบาท ปิดที่ 77.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง