บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC)คาดว่า ในปี 51 กำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตถึง 20-30% จากที่มีกำไร 127 ล้านบาทในปี 50
ส่วนอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตที่ 20-25% จากปีก่อนอยู่ที่ 22% ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 2,600-2,800 ล้านบาท จากสิ้นปี50 อยู่ที่ 2,400 ล้านบาท
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ MFEC คาดว่า บริษัทจะเติบโตในระดับนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรในระดับนี้ต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ธุรกิจหลักของบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มแบงก์กิ้งและสื่อสาร ซึ่งจะเดินหน้าต่อไปอีก 3 ปี เพราะบริษัทมองว่าทั้งสองกลุ่มยังมีความสามารถในการเติบโตในระยะยาว
พร้อมกันนั้น ในปีนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปสู่ลูกค้าภาครัฐ ซึ่งได้แก่ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม จากกลุ่มเดิมที่เป็นธุรกิจสื่อสารในภาคเอกชน จึงเชื่อว่าจะทำให้บริษัทได้รับงานขนาดใหญ่ขึ้น โดยขณะนี้บริษัทฯ มีงานในมือ หรือ backlog ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้
"เรามองว่าลูกค้าจากกลุ่มธนาคารยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากจะมีการลงทุนในบาเซิล II ทำให้จำเป็นต้องลงทุนด้าน IT ต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 ปี และระบบ Core Banking ก็ยังมีอีกหลายแบงก์ที่ยังลงทุนด้าน IT ไม่หมด ส่วนกลุ่มโทรคมนาคม ถ้า 3G มาทุกคนก็ต้องลงทุนด้าน IT เพิ่ม รวมถึงการเพิ่ม Value Added Service ที่ไม่ใช่ Voice ซึ่งก็ต้องการเทคโนโลยีมาสนับสนุนเช่นกัน" นายศิริวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มแบงก์กิ้งและสื่อสาร คิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมด
นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของตลาดภาครัฐ บริษัทฯ ไม่ได้มุ่งเน้นมากนัก เนื่องจากการทำธุรกิจกับภาครัฐจะต้องใช้การประมูลแบบอีอ๊อกชั่น(e-Auction) ทำให้ควบคุม margin ได้ยาก เพราะต้องแข่งขันด้วยราคา
สำหรับการรุกตลาดต่างประเทศในปีนี้ บริษัทฯ ก็ยังคงดำเนินการเจรจาต่อทั้งที่ญี่ปุ่นและเวียดนาม แต่ไม่ถือเป็นเป้าหมายหลัก กล่าวคือ ถ้าได้ก็ทำ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรน เพราะบริษัทต้องการทำตลาดในประเทศให้เข้มแข็งก่อน และที่ผ่านมาการทำตลาดในต่างประเทศเป็นไปในลักษณะการสำรวจตลาดมากกว่า โดยทำรายได้เพียง 5% ของรายได้รวมเท่านั้น
นายศิริวัฒน์ ยังกล่าวถึงแนวโน้ตลาดธุรกิจ IT ในปีนี้ว่า น่าจะเติบโตประมาณ 10% โดยปีนี้บริษัทฯ เตรียมแผนที่จะรองรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มจำนวนบุคลากร คือ ฝ่ายพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ 70 ตำแหน่ง และฝ่ายขายอีก 10 ตำแหน่ง จากปัจจุบันที่มีจำนวนพนักงานทั้งหมด 760 คน เพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน
"เราเชื่อมั่นว่าถ้าเราเข้ามาโหมในช่วงที่คนอื่นมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี จึงท้อ เราจะสามารถแย่ง market share กลับมาได้"นายศิริวัฒน์ กล่าว
บริษัทยังเชื่อว่าจากแนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่ง เชื่อว่าเมื่อถึงกำหนดวันใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ บมจ. โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN) ในวันที่ 29 ก.พ.นี้ ทาง MODERN จะแปลงสภาพ MFEC-W1 เป็นหุ้นสามัญทั้งจำนวนที่ถืออยู่ 26.76% คิดเป็นเงินประมาณ 40 ล้านบาท เนื่องจาก MFEC เป็นบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจ่ายปันผลทุกครั้งที่มีกำไร
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--