นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (21-25 ต.ค.62) คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวกรอบแคบที่ 1,620-1,650 จุด รอความชัดเจนการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน และการประชุมธนาคารกลางยุโรป โดยในส่วนของข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯกับจีน แม้การทำข้อตกลงกันจะมีความคืบหน้ามากขึ้นตามลำดับ แต่ผลพวงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว จึงทำให้นักลงทุนในตลาดโลกยังไม่รีบกลับเข้ามาลงทุนมากนัก โดยราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนตัวลงจากการขายทำกำไร เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบที่ยังเคลื่อนไหวแบบทรงตัว ทำให้หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีของไทย จึงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับเดิม แต่อาจตัวขึ้นได้ในช่วงสั้น
ส่วนประเด็นในเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ล่าสุดรัฐสภาอังกฤษได้มีการลงมติเลื่อนการรับรองข้อตกลงออกไป จากกำหนดเดิมที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป (EU) คือวันที่ 31 ต.ค. เพื่อให้มีการผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกมาก่อน จึงต้องจับตาดูความเจนต่อไป
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระแรกไปแล้ว เป็นการช่วยคลายความกังวลต่อตลาดลงได้บ้าง แต่ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานกำไรของหุ้นธนาคารเป็นสัปดาห์สุดท้าย คาดว่าโดยรวมออกมาไม่ดีนัก ทำให้นักลงทุนอาจให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มอื่นที่จะทยอยรายงานกำไรออกมา
ประเด็นที่ต้องติดตาม คือการรายงานตัวเลขส่งออกของไทยในวันที่ 21 ต.ค. , การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 24 ต.ค. และการคาดการณ์ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 29-30 ต.ค. ณ เวลานี้ ตลาดประเมินว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 หากเป็นไปตามจะถือเป็นผลบวกต่อตลาด
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST แนะนำหุ้นกลุ่มปลอดภัย ได้แก่ โรงไฟฟ้า , สื่อสาร โดยสลับเข้าลงทุนในตัวที่ราคายังขึ้นมาไม่มาก เพราะเชื่อว่าดัชนีฯยังไปได้ไม่มากนัก นอกจากนี้แนะนำเพิ่มหุ้นที่มีปัจจัยหนุนอื่นๆ รวมทั้งหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 3 จะออกมาดี แต่ยังแนะนำถือเงินสดไว้ 20% โดยหุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย OSP, RATCH , CPN,CPALL ,HMPRO, TRUE , AWC และ TASCO