นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย Inverter ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ภายในสัปดาห์นี้ โดยจะเน้นการจำหน่ายให้กับโครงการพลังงานทดแทนเดิม และโครงการพลังงานทดแทนที่เตรียมพัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาหนุนการเติบโตของบริษัทอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากคำสั่งซื้อหม้อแปลงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่มีเข้ามามากขึ้นทำให้มั่นใจว่าทั้งปีนี้รายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 501.88 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อรอส่งมอบ (Backlog) มูลค่า 500 ล้านบาท จะสามารถรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ปีนี้ราว 200 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทยังรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน (Q Solar1) เพิ่มขึ้นในปีนี้ เพราะสามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้มากขึ้น จึงคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 140-150 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้ยื่นประมูลงาน ในการผลิตหม้อแปลงของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่ารวมทั้งหมด 1,800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าได้งานไม่ต่ำกว่า 10% ของมูลค่างาน
นายพูลพิพัฒน์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จะกลับเข้าสู่ภาวะของการลงทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากแรงขับเคลื่อนของภาครัฐบาล ที่มีการกระตุ้นนโยบายเศรษฐกิจสู่ภาคการลงทุน โดยจะเห็นได้จากการเริ่มทยอยเปิดให้มีการประมูลงานต่าง ๆ ของภาครัฐบาล และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ในช่วงครึ่งปีหลัง จากที่ชะลอการเปิดประมูลงานด้านการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น เชื่อว่าในช่วงหลังจากนี้ต่อไป การเปิดประมูลงานของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) , กฟภ. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะเริ่มทยอยออกมาเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยอดคำสั่งผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าในต่างประเทศก็ยังคงทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และออสเตรเลีย พร้อมกันนี้ บริษัทได้ทำการศึกษาและเจาะตลาดใหม่ ๆ ในแถบเอเชีย และยุโรป มากยิ่งขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงมีความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
"ในปีนี้เรามั่นใจว่าผลประกอบการจะออกมามีกำไรสุทธิได้อย่างแน่นอน หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรแล้ว 119.04 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ผลประกอบการกลับมามีกำไรแล้วเราก็เตรียมที่จะเสนอให้บอร์ดพิจารณาจ่ายปันผล สำหรับงวดผลประกอบการปี 62 จากที่ไม่ได้ปันผลมานาน 3 ปีแล้ว"นายพูลพิพัฒน์ กล่าว
นายพูลพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 164 เมกะวัตต์ (MW) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบการเงินต่าง ๆ ภายในบริษัทดังกล่าว โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเข้าลงทุนหรือไม่ภายในปีนี้ เบื้องต้นบริษัทมีเงินสดในมือราว 300 ล้านบาทที่พร้อมในการลงทุนทันที พร้อมกันนี้ก็ยังศึกษาเข้าลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เป็นต้น