ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) หลังจากมีข่าวว่าบริษัทไอบีเอ็มเตรียมซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจว่ายังมีบริษัทเอกชนอีกหลายรายที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 114.70 จุด หรือ 0.91% แตะระดับ 12,684.92 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 9.49 จุด หรือ 0.69% แตะระดับ 1,381.29 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดตัวขึ้น 17.51 จุด หรือ 0.75% แตะระดับ 2,344.99 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.53 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับบริษัทไอบีเอ็มที่เปิดเผยแผนการซื้อหุ้นคืน โดยไอบีเอ็มกล่าวว่า แผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์จะช่วยกระตุ้นรายได้ของบริษัทให้ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในปี 2551 ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นไอบีเอ็มซึ่งเป็น 1 ในหุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาด ปิดพุ่งขึ้น 3.9%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ยังคงอันดับเครดิต AAA ให้กับบริษัทแอมแบค ไฟแนนเชียล และมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ยังคงอันดับเครดิต AAA ให้กับบริษัทเอ็มบีไอเอ อิงค์
ไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์จากบริษัทเชฟเฟอร์ อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า "ข่าวการซื้อหุ้นคืนของไอบีเอ็มช่วยลดผลกระทบของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเมื่อคืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)"
สำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ร่วงลงแตะระดับ 75.0 จุดซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันมีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะเดียวกันทางการสหรัฐรายงานว่า ดัชนี PPI ทั่วไปเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานพุ่งขึ้นอย่างมาก และดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ของธอมสัน/ไอเอฟอาร์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
นักลงทุนจับตาผลกระทบที่จะเกิดจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นอีก 1.65 ดอลลาร์ แตะระดับ 100.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หุ้นทาร์เก็ต คอร์ปซึ่งทำธุรกิจเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 ที่สูงเกินคาด ขณะที่หุ้นไรท์ เอด คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ พุ่งขึ้น 6.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ประกาศเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไรท์ เอด
ส่วนหุ้นเรดิโอแซค คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกด้านอิเล็กทรอนิก พุ่งขึ้น 21.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการและยอดขายในไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่งเกินคาด และหุ้นเทเน็ท เฮลธ์แคร์ ปิดทะยานขึ้น 14.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสเช่นกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--