นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งบลงทุนราว 1 พันล้านบาทในช่วง 3 ปี (ปี 62-64) เพื่อร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสการดำเนินธุรกิจเพื่ออนาคต รองรับแนวโน้มการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงตามทิศทางของโลก โดยขณะนี้ได้ลงทุนในกองทุนร่วมลงทุนในสหรัฐไปแล้วบางส่วน และกำลังพิจารณาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการในอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่มีงานวิจัยด้านวัตกรรมเป็นจำนวนมาก มีสตาร์ทอัพ มากกว่า 8 พันราย และมีเทคโนโลยีหลายประเภท ซึ่งจะสามารถนำมาต่อยอดร่วมกันได้
อย่างไรก็ตามงบลงทุนในสตาร์ทอัพอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก เพราะการลงทุนต่าง ๆ ยังมีความเสี่ยงว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขณะที่อุตสาหกรรมปิโตรเลียม นับเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งจากสภาพภูมิอากาศของโลก รวมถึงการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ส่งผลกระทบทางธุรกิจ
ทั้งนี้ การเดินหน้าธุรกิจนวัตกรรม (Seed the Option) เป็น 1 ใน 3 กลยุทธ์ที่บริษัทจะนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยโครงการด้านนวัตกรรม จะช่วยให้บริษัทดำเนินการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ผ่านทางวิจัยและพัฒนา การร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพในธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการผลิต ,เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิต และเทคโนโลยีเปลี่ยนธุรกิจปิโตรเลียม
สำหรับอีก 2 กลยุทธ์ที่เหลือ ของ TOP ประกอบด้วย Strengthen the Core (ธุรกิจการกลั่นน้ำมันและธุรกิจไฟฟ้า) ที่จะเพิ่มกำลังการผลิต และอัพเกรดผลิตภัณฑ์ตามโครงการพลังงานสะอาด (CFP) และ Value Chain Enhancement (ธุรกิจเคมี) ที่จะดำเนินการขยายห่วงโซ่การผลิตต่อยอดจากโครงการ CFP ในธุรกิจปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ หรือโอเลฟินส์ ตลอดจนผลิตผลิตภัณฑ์พิเศษมูลค่าสูง