TU เชื่อนักลงทุนตอบรับดีต่อหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนฯที่จะเสนอขาย 26-28 พ.ย.นี้ เหตุธุรกิจแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 24, 2019 13:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจตอบรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัท ที่จะเสนอขายในวงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาท เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพและความแข็งแกร่งทั้งโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินของบริษัทในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในหุ้นกู้ฯ ที่ให้ผลตอบแทนในระดับ 5% ต่อปีในช่วง 5 ปีแรก ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ A- ตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและเป็นหุ้นกู้ฯที่ออกโดยบริษัทที่มีความมั่นคงสูง

ทั้งนี้ TU จะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ให้แก่นักลงทุนทั่วไปในวงเงินจำนวน 4 พันล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 พันล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6 พันล้านบาท ในระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายนนี้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดในวันครบกำหนด 5 ปี หรือตามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลฯ และร่างหนังสือชี้ชวน และมีอัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี ในช่วง 5 ปีแรก จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงสถาบันผ่านธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบล.ภัทร

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไว้ที่ระดับ A+ และจัดอันดับความน่าเชื่อของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ที่ระดับ A- สะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปชั้นนำของโลก รวมถึงการมีสินค้าและฐานลูกค้าที่หลากหลาย และตราสัญลักษณ์สินค้าที่เป็นที่รู้จักทั้งในทวีปยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตามกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การควบคุมต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพทางการผลิต โดยภาระหนี้ของบริษัทจะปรับลดลงตามผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้นและค่าใช้จ่ายเงินลงทุนที่ลดลง

"เราเชื่อว่า นอกจากนักลงทุนจะพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความมั่นคงของกิจการของผู้ออกตราสาร รวมถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรม ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของไทยยูเนี่ยน ที่เราสามารถผลักดันให้บริษัทขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจอาหารทะเลในระดับโลก ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีแบรนด์ที่เข้มแข็งกว่า 14 แบรนด์ที่ขยายไปทั่วโลก นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่โอกาสในการเติบโตอย่างมีศักยภาพ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องการดำรงชีวิต"นายธีรพงศ์ กล่าว

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงิน ดังจะเห็นได้จากการบริหารจัดการทางการเงินที่เข้มงวด มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงทางการเงินและทางธุรกิจที่ชัดเจนและระมัดระวัง บริษัทจึงสามารถจ่ายชำระภาระผูกพันต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ดำเนินกิจการ และ การออกหุ้นกู้ฯ ในครั้งนี้เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมและมีความยืดหยุ่นเพื่อให้บริษัทมีความพร้อมในทุกโอกาสการลงทุนและการเติบโตของกิจการ บริษัทได้ปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TAS 32 ก่อนกำหนดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและหุ้นกู้นี้มีข้อกำหนดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่จะนับเป็นทุนในทางบัญชีได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ