หุ้น KBANK ราคาไหลลง 6.38% มาอยู่ที่ 139.50 บาท ลดลง 9.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,149.24 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.29 น. โดยเปิดตลาดที่ 143.50 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 145.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 138.50 บาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ราคาหุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับตัวลงแรงในวันนี้ คาดว่าจะเป็นการรับผลจากการที่ KBANK ได้เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 2563 โดยการเติบโตของสินเชื่อปีหน้าจะเติบโต 4-6% ขณะที่ NPL ratio ก็เพิ่มขึ้นเป็น 3.6-4% จากเดิมที่มองไว้ 3.3-3.7% ทำให้ตลาดเป็น Downside และนักวิเคราะห์ฯต่างก็จะเริ่มทยอยปรับลดประมาณการผลประกอบการของ KBANK กันด้วย ดังนั้น จึงได้เห็นแรงกระแทกออกมาในวันนี้
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ของ KBANK เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 63 ยังเผชิญความท้าทายจากปัจจัยทาง เศรษฐกิจที่ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงยืดเยื้อ เงินบาทที่ยังคงแข็งค่าส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศ คาดว่าการส่งออกไทยจะติดลบ 2% ด้านภาคเศรษฐกิจภายในประเทศจะเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเติบโต ของเศรษฐกิจ จากการเดินหน้าโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทิศทางดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ภายใต้ปัจจัยความท้าทายต่าง ๆ ธนาคารกำหนดทิศทางการดำเนินงานปี 63 เป้าหมายธุรกิจ "To Empower Every Customer’s Life and Business" ในการเป็นสถาบันการเงินที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สร้างนวัตกรรมทางการเงิน และทำ งานเชิงรุก เพื่อส่งมอบบริการมาตรฐานสากล และคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ด้วยการประสานพลังเทคโนโลยีและ บุคคลากรคุณภาพ เพื่อตอบสนองลูกค้าทั้งการใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจ
ธนาคารประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 63 โดยตั้งเป้าการเติบโตเงินให้สินเชื่อรวมที่ 4-6% แบ่งเป็นสินเชื่อธุรกิจลูกค้า บรรษัทเติบโต 2-4% สินเชื่อธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการเติบโต 1-3% และสินเชื่อลูกค้าบุคคลเติบโต 9-11% อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อ ให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin:NIM) อยู่ที่ 3.1-3.3% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ -5 ถึง -17% ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ คาดว่ามีสัดส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio Gross) ที่ 3.6-4.0%