ดัชนีหุ้นไทยต้นภาคบ่ายไหลลงเป็นกว่า 20 จุด หลุดแนวรับ 1,600 จุด รับแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ รวมถึงยังมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่อย่างบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ขณะที่ในช่วงบ่ายเริ่มมีแรงขายหุ้นกลุ่มไฟฟ้าออกมาเพิ่มเติม กดดันภาพรวมการลงทุนให้อ่อนแอลง
เมื่อเวลา 10.49 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,610.86 จุด ลดลง 10.11 จุด (-0.62%)
เมื่อเวลา 11.04 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,611.22 จุด ลดลง 9.75 จุด (-0.60%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.37 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,595.38 จุด ลดลง 25.59 จุด (-1.58%)
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ทั้งในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง สื่อสาร และ SCC ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากที่เมื่อวานนี้การประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน และสหรัฐ ยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัว ทำให้วันนี้จึงเห็นแรงขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งหมด
ประกอบกับหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ยังไม่ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/62 ออกมา ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจจะขายหุ้นออกไปก่อนเพราะความไม่มั่นใจ แต่หากประกาศผลประกอบการออกมาไม่แย่กว่าที่คาด ก็น่าจะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้ออีกครั้ง
ส่วนหุ้นในกลุ่มแบงก์ยังมีแรงขายต่อเนื่อง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ชะลอตัวลง หลังจากที่ร่วงลงแรงเมื่อวานนี้ ภายหลังจากการเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินในปี 63 ของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ออกมาไม่ดีนัก ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
สำหรับการซื้อขายหุ้นในช่วงบ่าย ตลาดเริ่มมีแรงขายหุ้นกลุ่มไฟฟ้าเข้ามา หลังจากที่ดีดตัวขึ้นแรงต่อเนื่องหลายวันก่อนหน้านี้ นำโดยหุ้นบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่(GPSC) ,บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ฉุดให้ภาพรวมการลงทุนอ่อนแอลง