TOP คาดผลการดำเนินงานปี 51 เติบโตต่อเนื่องหลังกำลังกลั่น-ผลิตเพิ่มขึ้น

          นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บมจ. ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ในปี 2551 คาดว่าบริษัทฯ จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังการกลั่นเพิ่มเติม 50,000 บาร์เรล / วัน และกำลังการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเท่าตัวของบริษัท ไทยพาราไซลีนจำกัด (TPX) ซึ่งขยายกำลังการผลิตจากสารพาราไซลีน 348,000 ตันต่อปี และมิกซ์ไซลีน 72,000 ตันต่อปี เป็นการผลิตสารอะโรเมติกส์ ซึ่งประกอบด้วย สารพาราไซลีน มิกซ์ไซลีน โทลูอีน และเบนซีน รวมกัน 900,000 ตันต่อปี ส่งผลให้บริษัทฯ ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตสารอะโรมาติกส์ที่ครบวงจร โดยโครงการด้งกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2551 นี้ 
          นอกจากนี้ โครงการติดตั้งทุ่นผูกเรือเดี่ยว SBM-2 และท่อรับน้ำมันดิบใต้ทะเลขนาด 52 นิ้ว ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งในโครงการขยายงานของบริษัทฯ เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยทุ่นดังกล่าวจะรับเรือบรรทุกน้ำมันดิบที่มีขนาดระวางบรรทุก 2 ล้านบาร์เรล เป็นครั้งแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้ จากเดิมที่สามารถรองรับเรือขนาดระวางบรรทุกเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมายังโรงกลั่นไทยออยล์ ที่อำเภอศรีราชา
          ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนหลังของปี 2550 ให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 2.75  บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ประมาณร้อยละ 3.5% ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2550 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท 
          "บริษัทฯ มีศักยภาพในการจ่ายปันผลในอัตราดังกล่าว เนื่องจากผลการดำเนินงานในปี 2550 ของบริษัทฯ และบริษัทในเครืออยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 19,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,517 ล้านบาท จากปี 2549 อันเป็นผลมาจาก ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าการกลั่นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยที่บริษัทฯ และบริษัทในเครือสามารถรับรู้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) ที่ 10.53 เหรียญสหรัฐฯ /บาร์เรล รวมทั้งการก่อสร้างโครงการขยายกำลังการผลิตหน่วย CDU-3 ที่แล้วเสร็จเร็วกว่าแผน ทำให้โรงกลั่นไทยออยล์มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 225,000 บาร์เรล/วัน เป็น 275,000 บาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ตั้งแต่ 16 ธ้นวาคม 2550"นายวิโรจน์ กล่าวเสริม