ปธ.สภาตลาดทุนไทย คาดปี 51 กำไร บจ.โต 20% จากที่ติดลบ 4% ในปี 50

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 27, 2008 11:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล. เอเชียพลัส (ASP) ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย  เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย โดยมองว่ากำไรบจ.จะเติบโต 20% จากปีก่อนที่ติดลบ 4% จากนโยบายการลงทุนของรัฐบาลที่จะเป็นตัวกระตุ้น รวมถึงดอกเบี้ยขาลง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน
"มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทยเพราะถึงรอบการกลับมาของวัฏจักรการลงทุนที่จะมาจากนโยบายการลงทุนของรัฐบาลที่จะเป็นตัวกระตุ้น รวมถึงดอกเบี้ยขาลงล้วนเป็นเหตุผลให้เกิดการลงทุนในตลาดหุ้น"นายก้องเกียรติ กล่าว
ส่วนภาพลบที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทั้งประเด็นเรื่อง กกต.ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และการกลับประเทศไทยของอดีตนายกฯ โดยส่วนตัวมองว่าทั้งสองเรื่องไม่น่ามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย
"การกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีทั้งฝ่ายที่ต้อนรับและคัดค้าน แต่ไม่น่ากังวล เพราะถ้าเป็นการกลับมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ไม่ควรขัดขวาง และไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนกกับเรื่องนี้เกินเหตุ ส่วนเรื่องการให้ใบแดงนายยงยุทธ ไม่น่ามีผลเช่นกัน"นายก้องเกียรติ กล่าว
นายก้องเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่นักลงทุนต่างประเทศต้องการที่จะเข้ามาลงทุน แต่ยังมีข้อติดขัดในเรื่องคุณภาพหุ้นขนาดใหญ่ที่มีจำกัด รวมถึงกระบวนการทางกฎหมายที่จำเป็นต้องเร่งผ่าตัด ข้อกังขาต่อกฎหมายที่ไม่เป็นมิตรต่อนักลงทุน ไม่ว่าจะเรื่องของกฎหมายการถือครองหุ้น เรื่องมาตรการกันสำรอง 30%
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดทุนไทยอยู่ในช่วงของการผ่าตัด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี และควรให้เวลารัฐบาลในการผลักดันตลาดทุนไทย และทำให้ตลาดทุนไทยที่ความเชื่อมโยงควบคู่กับตลาดเงิน เพราะจะเป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตไปด้วย
ด้านนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดทุนไทยควรให้ความสำคัญในการเพิ่มคุณภาพและจำนวนบริษัทที่มีขนาดใหญ่ หรือ มีมาร์เก็ตแคปสูง เนื่องจะเป็นการเพิ่มคุณภาพของสินค้าแล้ว ยังเป็นการดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาด้วย โดยหากพิจารณาในปัจจุบันจะพบว่าในตลาดหุ้นไทยมีหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่น้อย แต่หุ้นมาร์เก็ตแคปเล็กกว่า 377 บริษัท จากจำนวน 500 กว่าบริษัทในตลาด ซึ่งถือว่ามากเกินไป และทำให้มีแต่นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อขายกันเอง และส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนตามไปด้วย
นอกจากนี้ นายวิสิฐ ยังให้ความเห็นเรื่องการเมืองว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หรือทำให้เกิดความกังวล แต่ยอมรับว่า อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจจะทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลเรื่องการสนับสนุนการลงทุนว่าจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของตลาดหุ้นไทยไปในทิศทางใด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ