นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม มอบนโยบายเพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.การบินไทย (THAI) เน้นการจัดลำดับความสำคัญและกำหนดสัดส่วนของการลงทุนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และสถานะของบริษัทฯ โดยพิจารณาเปรียบเทียบกับสายการบินชั้นนำของโลก รวมทั้งทบทวน Position ของบริษัทฯ เพื่อกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน เน้นการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ โดยให้การบินไทยทบทวนนโยบายดังกล่าว และนำเสนอกระทรวงคมนาคมภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ เพื่อให้ THAI สามารถแข่งขันได้ในตลาดการบินโลก โดยการบินไทยต้องหา Position ของตนเองในอุตสาหกรรมการบินโลกให้ชัดเจน เพื่อสร้างมาตรฐานการบริการให้กลับมาเป็นสายการบินชั้นนำของโลกดังที่เคยเป็นมาในอดีต (Brand Rejuvenation) หาจุดแข็งและสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า การวางตำแหน่งทางการตลาดทั้งราคาและคุณภาพการให้บริการให้สามารถแข่งขันกับสายการบินชั้นนำของโลก มีการตรวจสอบคุณภาพการให้บริการอย่างสม่ำเสมอ โดยให้ความสำคัญกับการรับฟังความเห็นของผู้ใช้บริการผ่านช่องทาง Social Media อีกทั้งเน้นย้ำถึงการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Optimizing Resources) ด้วยการสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ
ส่วนแผนการจัดหาเครื่องบินนั้น รมว.คมนาคม ได้เร่งให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) และบอร์ดจัดการให้เสร็จเร็วกว่ากรอบที่วางไว้ 6 เดือน ซึ่งจะมีการศึกษาแผนด้านการแข่งขันของการบินไทย รวมทั้งพิจารณาเส้นทางการบิน
นอกจากนี้ รมว.คมนาคม กล่าวถึงโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ว่า ทางแอร์บัสได้เข้ามาหารือแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ขณะที่บอร์ดอีอีซี ได้ประชุมกำหนดเอกสารยื่นข้อเสนอโครงการ (RFP) คาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ทางแอร์บัสจะเข้ามายื่นข้อเสนอโครงการ
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ THAI เปิดเผยถึงแผนการจัดหาเครื่องบินจำนวน 38 ลำ มูลค่า 1.56 แสนล้านบาทว่า จะหารือทบทวนกันในการประชุมคณะกรรมการบริษัทวันพรุ่งนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้า และภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการพิจารณาแต่ละเส้นทางบิน โดยยอมรับต้องมีการปรับใหม่ เพราะแผนเดิมไม่มีผลกระทบจากสงครามการค้า โดยคาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จเร็วกว่า 6 เดือนที่นายถาวร เสนเรียม รมช.คมนาคมให้เวลาไว้ 6 เดือน รวมทั้งจะมีการพิจารณาการเช่าเครื่องบิน 2-3 ลำ รวมทั้งจะนำนโบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่ให้ไว้ 8-9 เรื่อง มาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ (Action Plan)
ประธานกรรมการ THAI กล่าวว่า ในไตรมาส 4 นี้เป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะสามารถเพิ่มรายได้ให้เต็มที่ โดยขณะนี้มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) สูงขึ้นมาที่ 80% แต่ราคาต่อหน่วย (Yield) มีปัญหา เพราะมีการแข่งขันกันสูงมาก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดที่การบินไทยเคยเป็นเจ้าตลาด
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 นี้ การบินไทยเปิดจุดบินใหม่ที่เซนได ซึ่งการบินไทยทำการบินรายเดียว ขณะนี้มี Cabin Factor 85% แล้วถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ตั้งใจให้เป็นพรีเมี่ยมแอร์ไลน์ ขณะที่จุดบินอื่นในญี่ปุ่น เช่น โตเกียว โอซาก้า มีการแข่งขันสูง คาดว่าเซนไดจะเป็นต้นแบบของพรีเมี่ยมแอร์ไลน์ ซึ่งจะทำราคาได้ดี โดยช่วงนี้บริษัทต้องช่วงชิงฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังได้นำทีมจากกรมสรรพากร และธนาคารกรุงไทยเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytic) จากลูกค้าที่เป็นสมาชิกรอยัลออคิดพลัส (ROP) เจาะลึก เพื่อช่วยการขายให้มีประสิทธิภาพ
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวว่า ปัจจุบันการบินไทยมีสมาชิก ROP 3-4 ล้านคน ซึ่งคาดว่าช่องทางนี้จะรุกหนักในปีหน้า พร้อมกับการขายสินค้าผ่าน e-Commerce ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตในปีหน้า
ขณะที่ รมว.คมนาคม ได้ให้นโบายว่าให้นำสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ออกจำหน่าย หรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งนายสุเมธ กล่าวว่า ปัจจุบันการบินไทยมีที่ดินทั้งในและต่างประเทศ มีมูลค่าประเมินราว 4 พันล้านบาท