GBS มองหุ้นไทยผันผวนต่อเนื่อง แกว่งตัว 1,585 -1,615 จุด กังวลกรณีสหรัฐตัด GSP ไทย-ปรับลดคาดการณ์ GDP

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 29, 2019 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิจัยบล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยว่ายังมีความผันผวนในช่วงขาลงต่อเนื่อง เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน และกังวลกับกรณีที่สหรัฐสั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) แก่สินค้าไทยบางรายการ มีผลบังคับใช้ 25 เม.ย. 63 โดยให้เหตุผลว่าไทยล้มเหลวในเรื่องการให้สิทธิแรงงานตามหลักสากล ส่งผลมีภาระภาษีเพิ่ม 1.5-1.8 พันล้านบาท และทางกระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวว่าจะส่งผลต่อการส่งออกประมาณ 0.01% ซึ่งถือว่าเป็นผลกระทบที่น้อยมาก

พร้อมกันนี้ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปีนี้เหลือ โต 2.9% จากครั้งก่อนคาดว่าเติบโต 3.5% ส่วนปี 2563 คาดการณ์ GDP โตที่ระดับ 3% และทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ของกระทรวงการคลังได้มีการปรับลดประมาณการ GDP ปี 2562 เหลือโต 2.8% และปี 2563 เติบโตที่ระดับ 3.3% ดังนั้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,585-1,615 จุด

นอกจากนี้ควรจับตาในประเด็นด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด โดยในวันที่ 29 ต.ค. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม และทางสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนก.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. ส่วนในวันที่ 31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันในวันที่ 29-30 ต.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งจะรู้ผลวันที่ 31 ต.ค. ตามเวลาในประเทศไทย โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และวันเดียวกันทางธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยบวก ในขณะนี้แม้ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้า ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเผยว่าใกล้จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าบางส่วนในขั้นแรก รวมทั้งทางรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ยืนยันมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยการท่องเที่ยวเป็นเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ในช่วงปลายปีนี้

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเด่นเดือนต.ค. 62 เช่น JUBILE, ARROW และ TNP รองลงมาหุ้นได้ประโยชน์จากโครงการชิม ช็อป ใช้ เช่น ROBINS, BJC, MAKRO, SPA ERW, TNP และ CPALL รวมทั้งหุ้น Defensive Stock (Beta <1 yield >5%) เช่น TISCO, SPF RSP, TWPC, DIF และ GPI

ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำให้ถือสถานะที่มีและมีจุดขายทำกำไรที่แนวต้าน 1,520-1,540 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทย 21,750-22,060 บาทต่อบาททองคำ โดยมีประเด็นบวกจากคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 29-30 ต.ค.62 จาก 2.00% สู่ 1.75% เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ลุล่วงไปด้วยดีทำให้นักลงทุนถือครองทองคำลดลง อีกทั้งกองทุน SPDR ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มชะลอการซื้อทองคำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ