หุ้น TPIPP ราคาพุ่งพรวดขึ้น 12.50% มาอยู่ที่ 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 87.28 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 4.44 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.56 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.42 บาท
บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 1,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,005 ล้านบาท
พร้อมแจ้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติยืนยันนโยบายการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2562 ของบริษัท ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้พิจารณาผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสำหรับงวดจำนวน 3,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 607 ล้านบาท หรือ 22.2% จากจำนวน 2,725 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2561 ที่ผ่านมา
ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น TPIPP แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 5.00 บาท (เดิม 7.50 บาท) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการปี 2562-2563 ลง ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท ตามตลาดคาด โดยเติบโต YoY จากกำลังการผลิตที่ขึ้น 51% YoY ส่วน QoQ ลดลงจากโรงปูนและโรงไฟฟ้า TG5 ปิดซ่อมบำรุง
นอกจากนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2562-2563 ลงจากเดิม -20% และ -19% ตามลำดับ สะท้อนการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่มากกว่าคาดในปี 2562 และปรับ capacity factor โดยรวมของปี 2563 ลงมาที่ราว 70% (เดิม 80%)
ทั้งนี้ราคาหุ้นช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลง 35% และ 34% ตามลำดับ คาดมาจากประเด็นการจ่ายปันผลที่น้อยลงในช่วง H1/62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแม้กำไรจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดกังวลต่ออัตราผลตอบแทนปันผลจะลดลง อย่างไรก็ตามล่าสุดบริษัทประกาศจะจ่ายปันผลปี 2562 ไม่น้อยกว่าปีก่อน ซึ่งทำให้มีปันผลค้างจ่ายในช่วงที่เหลือของปีอีกอย่างน้อยราว 0.30 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น dividend yield 7.4% จากราคาปัจจุบัน และเทรด forward PER จากราคาปัจจุบันที่เพียง 8x (เทียบค่าเฉลี่ย 20x) ประเมินราคาหุ้นจะกลับมา outperform ตลาดได้ในช่วงที่เหลือของปี