นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างบวกในกรอบแคบราว 0.2-0.3% ขานรับปัจจัยบวกจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็ inline กับที่ตลาดคาดไว้ โดยเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังเชิงบวกต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนด้วย ซึ่งเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยรอบนี้ก็น่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากสงครามการค้าด้วย จากนี้ไปก็ให้รอดูเฟดน่าจะมีการส่งสัญญาณการขยายงบดุลในเดือนพ.ย.นี้
อย่างไรก็ดีให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/62 ต่อไป และให้ติดตามกฎเกณฑ์เบื้องต้นในการประมูล 5G ซึ่งน่าจะผ่อนคลายขึ้นและจะหนุนหุ้นในกลุ่ม ICT ได้
พร้อมให้แนวรับ 1,588 จุด ส่วนแนวต้าน 1,613-1,620 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,186.69 จุด พุ่งขึ้น 115.27 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,046.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด (+0.33%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,303.98 จุด เพิ่มขึ้น 27.13 จุด (+0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 66.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 40.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 13.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.86 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ต.ค.62) 1,601.83 จุด เพิ่มขึ้น 10.62 จุด (+0.67%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 458.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ต.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ต.ค.62) ปิดที่ 55.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ต.ค.) อยู่ที่ 2.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.19 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อน ขานรับเฟดปรับลดดอกเบี้ย-จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดีเดย์ประมูล 5จี 16 ก.พ.2563 กสทช.ปล่อยคลื่นเต็มที่ กดราคาต่ำจูงใจ "ฐากร" ลั่นขายออกแน่ 46 ใบอนุญาต เงินเข้ารัฐอย่างน้อย 43,470 ล้านบาท "เอกชน" กัดฟันเข้าร่วม ขอหลักเกณฑ์เอื้อธุรกิจ เสนอวางแบงก์การันตี 100% เท่าราคาใบอนุญาต หวั่นมือดีทิ้งคลื่นสร้างภาระเพิ่ม
- ทีมไทยแลนด์เตรียมถกยูเอสทีอาร์ 1 พ.ย.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แก้ปมตัดจีเอสพีไทย ยันจะได้คืนหรือไม่ อยู่ที่สหรัฐฯ ส่วนอนาคตจะอ้างหมูเนื้อแดงตัดสิทธิไทยอีก ยังตอบไม่ได้ "พาณิชย์" ตั้งวอร์รูมช่วยเอกชนลด ผลกระทบสินค้า 573 รายการที่ถูกตัดจีเอสพี "บิ๊กตู่" ชี้สงครามการค้าทำทุกประเทศมีปัญหา ไทยโตแล้วทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ ต้องค่อยเจรจา "วิษณุ" รับตั้งสหภาพแรงงานต่างด้าวยาก ต่อให้แก้กฎหมายก็ไม่ทัน 6 เดือน
- แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ รฟท.อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการผู้ชำนาญการรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) พิจารณาเพิ่มเติมในตอนที่เหลือของโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน หรือรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะแรกที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท เนื่องจากบางช่วงมีการปรับแนวเส้นทาง จึงต้องนำเสนอรายงานอีไอเอเพิ่มเติม จึงส่งผลให้ช่วงที่มีการประกวดราคาจนได้บริษัทผู้รับเหมาแล้วยังไม่สามารถลงนามในสัญญาเพื่อเดินหน้าก่อสร้างได้ แต่คาดว่าขั้นตอนดังกล่าวจะแล้วเสร็จและผ่านการอนุมัติภายใน 1 เดือน
- กฟผ.เตรียมควัก 1,763 ล้านบาท ซื้อปาล์ม คาดกว่าแสนตัน โดยคาดว่าวันที่ 5 พ.ย.นี้ประกาศผู้ชนะประมูล ด้าน พพ.จับมืออมตะดันสมาร์ท เอเนอร์จี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- CHG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 2.7 บาท คาดผลกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว และจะเห็นกำไรที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ Q3/62 โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ประกันสังคมที่ฟื้นตัว โรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง ขาดทุนลดลง และยังมี Upside ในการปรับค่ารักษาพยาบาลกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเพิ่มคล้ายกับ BCH (ค่ารักษาส่วนประกันสังคมจะมีการปรับทบทวนราคาทุกๆ 2 ปี โดยปรับครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2560)
- RBF (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 4.60 บาท แนวโน้มกำไร Q3/62 จะเติบโตสูงทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนไตรมาสก่อน และมีการปรับ Product Mix มาตั้งแต่ปีก่อน โดยคาดกำไร 95 ล้านบาท +58% Q-Q, +53% Y-Y ส่วนแนวโน้ม Q4/62 ดีต่อตามฤดูกาล ทุกอย่างยังสอดคล้องกับประมาณการที่คาดกำไรปีนี้ +13% Y-Y และโตต่อเนื่อง 14% Y-Y ปีหน้าจากการรับรู้โรงงานใหม่ที่เวียดนามและอินโดนีเซีย การเติบโตของลูกค้าเดิมตามกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง