นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาและรอสรุปผลการศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าหลายโครงการ เช่น โครงการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ จังหวัดสงขลา , โครงการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ จังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนงานขยายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ขนาดกำลังผลิตระดับกิกะวัตต์ ซึ่งเป็นกิกะโปรเจกต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2563
โดยบริษัทมีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้พัฒนาโครงการ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เสนอขายหุ้นกู้ 4,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เพื่อการขยายธุรกิจ
"บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ทุกการตัดสินใจของทั้งบอร์ดและผู้บริหาร ได้ยึดมั่นเอาประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นเป็นที่ตั้งเสมอ"นายภัคพล กล่าว
นายภัคพล กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจเป้าหมายรายได้รวมปีนี้จะทำได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7,915 ล้านบาท ในปี 2561 และใน 9 เดือนแรกของปี 2562 ที่มีรายได้รวม 7,945 ล้านบาท หลังจากโรงไฟฟ้า TG8 ที่มีขนาด 150 เมกะวัตต์ (MW) ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 440 เมกะวัตต์ โดย TPIPP ได้ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) เพิ่มขึ้น 5 ตัว เพื่อใช้ทดแทนหม้อต้มไอน้ำหลักในช่วงที่จำเป็นต้องหยุดซ่อมบำรุง โดยติดตั้งแล้วเสร็จ 2 ตัว และอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งอีก 3 ตัว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 นี้
บริษัทมีโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาขายไฟฟ้า (PPA) ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 3 สัญญา รวม 163 เมกะวัตต์ โดยได้รับ Adder 3.50 บาทต่อหน่วย เพิ่มจากค่าไฟฐาน โดยโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ RDF (TG3) ขนาด 20 เมกะวัตต์ ภายใต้ PPA 18 เมกะวัตต์ ได้รับ Adder ถึงเดือนมกราคม 2565 โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ RDF (TG5) ขนาด 60 เมกะวัตต์ ภายใต้ PPA 55 เมกะวัตต์ ได้รับ Adder ถึงเดือนสิงหาคม 2565 และโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ RDF (TG4 และ TG6) ขนาด 100 เมกะวัตต์ ภายใต้ PPA 90 เมกะวัตต์ ได้รับ Adder ถึงเดือนเมษายน 2568 โดยภายหลังระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นโรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรง ยังสามารถขายไฟฟ้าให้แก่กฟผ.ได้ในราคาค่าไฟฐานต่อไป