โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วช่วงไตรมาส 2/62 ทิศทางผลประกอบการช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนมาจากผลิตภัณฑ์ Mega We Care ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ที่ยอดขายจะฟื้นตัวขึ้นมา แม้ว่าการบริโภคในประเทศจะยังคงชะลอตัว ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศจะฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนาม และเมียนมา
ทั้งนี้ มองว่าในปี 63 ผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซีย และการลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาหนุนการเติบโตได้อีก
ราคาหุ้น MEGA อยู่ที่ 28.25 บาท ลดลง 0.50 บาท (-1.74%) ขณะที่ SET +0.04%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 35.50 ฟิลลิปฯ ซื้อ 35.00 เคทีบีฯ ซื้อ 42.00 กสิกรไทย ซื้อ 43.00 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ซื้อ 39.10
ทั้งนี้ มองว่าในปี 63 ผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซีย และการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มเติม
"ในช่วงไตรมาส 2/62 ที่ผ่านมาผลประกอบการถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปีหน้าเองก็มีการเปิดตลาดในประเทศอินโดฯเพิ่มก็เข้ามาช่วยหนุนการเติบโตหลัก ซึ่ง MEGA ไม่ได้มีหนี้ ทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งมากด้วย"นายกวี กล่าว
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/62 ของ MEGA จะเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยจะได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ Mega We Care และธุรกิจการจัดจำหน่าย ถึงแม้ว่าการบริโภคในประเทศจะยังคงชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตามยอดขายในต่างประเทศจะฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม และประเทศเมียนมา
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)ระบุว่าแนวโน้มผลประกอบการ MEGA ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะฟื้นตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลิตภัณฑ์ Mega We Care โดยในช่วงไตรมาส 4/62 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่มองว่าการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ ออกมา
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิของ MEGA ในปี 62-63 แม้ผลประกอบการครึ่งแรกปีนี้ มีสัดส่วนเป็น 35% ของกำไรสุทธิปี 62 ที่คาดไว้ระดับ 1.28 พันล้านบาท เติบโต 6% จากปีที่แล้ว แตึ่คาดว่ากำไรสุทธึครึ่งหลังปีนี้ จะขยายตัวต่อเนื่อง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในครึ่งปีแรก อีกทั้งประเมินว่าในไตรมาส 4/62 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น ของ Mega We Care จะหนุนให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว
สำหรับกำไรสุทธิของ MEGA ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นในปีนี้ มาจากรายได้จากธุรกิจ Mega We Care อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ,รายได้จาก Maxxcare อยู่ที่ 5.15 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่เต็มปี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงอยู่ที่ 43.4% จาก 44.4% ในปี 61 จากสัดส่วนรายได้ของ Maxxcare ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Maxxcare มี GPM อยู่ที่ 21.5% น้อยกว่า Mega We Care ซึ่งมี GPM ที่ 64% สำหรับปี 63 ยังคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 1.37 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% จากปีนี้ ตามรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% มาที่ 1.23 หมื่นล้านบาท