พ.ญ.สมสิริ สกลสัตยาทร กรรมการ บมจ.สมิติเวช (SVH) คาดว่า ในงวดปี 51 บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้จากที่ไม่เคยจ่ายปันผลเลย รวมถึงปี 50 ด้วย เนื่องจากโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือจะเริ่มทำกำไรในปี 51 จากปี 50 ที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ มีขาดทุนสะสม 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการขาดทุนสะสมที่ลดลง ขณะที่สมิติเวช สุขุมวิท สร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
"เราเชื่อว่าในปีนี้จะเห็นความสามารถในการจ่ายปันผลของโรงพยาบาลได้ จากการที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ มีทิศทางที่ดีขึ้นจากจำนวนการเข้ามารักษาของต่างชาติเพิ่มขึ้นเพราะอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยปัจจุบันมีอัตราการเข้ารักษา 800 คนต่อวัน จากก่อนหน้านี้ที่ไม่มีเลย ส่วนของสมิติเวช สุขุมวิท อัตราการเข้ารักษาอยู่ที่ 1.6-1.7 พันคนต่อวัน" พ.ญ.สมสิริ กล่าว
เหตุที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ ประสบภาวะการขาดทุนเนื่องจากการลงทุนที่ผิดจังหวะทั้งการสร้างตึกและเครื่องมือแพทย์ในช่วงวิกฤตจึงทำให้เป็นหนี้สกุลเงินดอลลาร์ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ผลขาดทุนจะค่อยๆ ลดลง
แต่หลังจากที่เริ่มเห็นกำไรในสมิติเวช ศรีนครินทร์ แล้ว บริษัทก็จะเริ่มมองหาการสร้างโรงพยาบาลสมิติเวชสาขาที่ 4 จากปัจจุบันมี 3 สาขาคือ สุขุมวิท ศรีนครินทร์ และศรีราชา
ในส่วนสมิติเวช ศรีราชา โรงพยาบาลพยายามจะเพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นเพิ่มขึ้นโดยตั้งเป้าทยอยซื้อเพิ่มเพื่อให้ถึง 75% ซึ่งปัจจุบันถือเกิน 65% แล้ว จากเดิมถือแค่ 35%
ส่วนโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท มีแผนที่จะให้ความสำคัญในการตรวจและรักษาแพทย์เฉพาะทางมากขึ้นเพื่อรองรับการรักษา โดยภายใน 1-2 เดือนนี้ก็จะได้รับเครื่องมือที่สั่งซื้อมาซึ่งเป็นเครื่องมือในการตรวจและรักษาผังผืดตับ แทนการเจาะชิ้นเนื้อตับโดยคาดว่าจะใช้เงินในการซื้อเครื่องมือดังกล่าวประมาณ 38 ล้านบาท และก็จะเพิ่มเครื่องมือตรวจสอบและรักษาระบบทางเดินหายใจ
สำหรับสภาพคล่องของหุ้น ยอมรับว่าสภาพคล่องต่ำ เพราะปัจจุบันโรงพยาบาล บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) ถือหุ้นในสัดส่วนที่มากถึง 93% และที่ผ่านมาทาง BGH ก็แสดงความสนใจที่จะขอซื้อหุ้นเพิ่มที่เหลือ 7% แต่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 7% ไม่ขายเพราะเป็นผู้ถือหุ้นหลายรายที่ถือรวมกัน เนื่องจากผู้ถือหุ้นใน 7% นี้ก็มองว่า ในอนาคต SVH จะมีการเติบโตที่ดี
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--