บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับบริษัท กราวด์ อิงค์ จำกัด ผู้นำในการให้บริการระบบ LogiTech จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นภายใต้โครงการ "Open Innovation Columbus" ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อเดือน พ.ค.62 ที่ผ่านมา เพื่อผลักดันการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้องค์กรต่างๆ ในทั้งสองประเทศ
วัตถุประสงค์ของ MOU ฉบับนี้เพื่อพัฒนาโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์อันล้ำสมัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่วงการโลจิสติกส์ในประเทศไทย สอดคล้องกับอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดและอุตสาหกรรมดังกล่าว โดย กราวด์ อิงค์ พร้อมให้บริการซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่รองรับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคลังสินค้า (Warehouse-operation-optimization) ตลอดจนระบบปฏิบัติการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Warehouse-operation-automation) ที่ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ พร้อมนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นโลจิสติกส์มาขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมในไทย
ขณะที่ WHA จะมอบสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการทดสอบและพัฒนาโซลูชั่นของ กราวด์ อิงค์ เพื่อสร้างสรรค์บริการให้แก่ลูกค้าของ WHA กรุ๊ป ซึ่งกลุ่มธุรกิจดิจิทัล บริษัทในเครือของ WHA จะทำหน้าที่ให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในดาต้าเซ็นเตอร์
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA กล่าวว่า WHA พร้อมมอบโซลูชั่นโลจิสติกส์อันเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของ WHA ในประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"การลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เป็นการผนึกกำลังความแข็งแกร่งทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท" นายฮิราโมโตะ มิยาตะ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กราวด์ อิงค์ จำกัด กล่าว และเสริมว่า"เราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์อันยาวนานของดับบลิวเอชเอ จะช่วยยกระดับวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์อัจฉริยะ (Intelligent Logistics) ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างปัญญาประดิษฐ์และโรบอติกส์ของเรา"
กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและไฟฟ้า โดย บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) มีกำลังการผลิตน้ำรวมถึง 105 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์รวม 521 เมกะวัตต์ ส่วนกลุ่มธุรกิจดิจิทัล บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด มีบริการดาต้าเซนเตอร์ 4 แห่ง บริการไฟเบอร์ออพติก (FTTx) และเข้าถือหุ้นในบริษัท Supernap Thailand ตลอดจนมีการลงทุนด้านดิจิตอลอินฟราสตรักเจอร์