ถึงคิวหุ้นน้องใหม่ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) เตรียมพร้อมเข้าซื้อขายในดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก 5 พ.ย.62 หลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 46 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 53.85 เท่า คำนวณจากผลประกอบการรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ค.61-30 มิ.ย.62) ถือว่าค่อนข้างสูงเทียบกับค่าเฉลี่ย P/E Ratio ในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 25.03 เท่า
*แจงเหตุ IPO 7 บาท P/E สูงถึง 53.85 เท่า
นายทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IP เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า จากมุมมองของผู้ลงทุนและนักวิเคราะห์เป็นบวกกับหุ้นของบริษัทและมองว่าราคา IPO ที่ 7 บาทเป็นราคาที่เหมาะสม แม้จะมีค่า P/E สูง แต่เมื่อพิจารณาโมเดลธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านสุขภาพ ซึ่งเติบโตไปกับกระแสเมกะเทรนด์ของโลก
ขณะที่บริษัทมีอัตรากำไรสูง หากอ้างอิงตามบทวิเคราะห์เปรียบเทียบหุ้นของบริษัทเป็นหนึ่งใน Growth Stock จากการคำนวณมูลค่าหุ้นที่แท้จริงนักวิเคราะห์ให้ Forward P/E ในปี 63 เฉลี่ยที่ 20-25 เท่า ซึ่งบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการมีโอกาสสามารถเติบโตได้เหมือนในอดีต ถ้าเป็นเช่นนั้นแม้ว่า P/E ในระยะสั้นจะสูง แต่ในอนาคต P/E จะลดลงไปเรื่อยๆ ตามกำไรที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
"เดิมที่เรากำหนดราคา IPO ครั้งแรกที่ 7 บาทก็หวั่นๆ เหมือนกัน แต่ปัจจุบันมีผู้ลงทุนให้ความสนใจค่อนข้างมาก จำนวนหุ้นที่เสนอขายก็ได้รับการจองซื้อเต็มจำนวนแล้ว ธุรกิจของบริษัทอยู่กลุ่ม Health Care ติดอันดับต้นๆที่นักลงทุนให้ความสนใจและให้ P/E ค่อนข้างสูงกับหุ้นในกลุ่มนี้ และจุดเด่นของบริษัทคือมีความเสี่ยงทางธุรกิจต่ำ มีความแตกต่างเรื่องการนำนวัตกรรมเข้ามาผลิตสินค้าดูแลสุขภาพ ทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง"
อนึ่ง ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีในปี 59 มีรายได้ 124.60 ล้านบาท กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) 15.63 ล้านบาท ,ในปี 60 มีรายได้ 247.30 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.72 ล้านบาท ,ในปี 61 มีรายได้ 316.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29.68 ล้านบาท และในงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้ 182.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.21 ล้านบาท
*ประสบการณ์ 27 ปี ธุรกิจโตตาม "เมกะเทรนด์" โลก
นายทรงวุฒิ กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายภายใน 5 ปีก้าวสู่ผู้นำการคิดค้นและนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพที่แตกต่าง ด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อการป้องกันและรักษาโรค การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และชะลอวัย ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด "VALUE YOUR LIFE"ที่เชื่อว่าคุณค่าของชีวิต คือ สุขภาพที่ดีและการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีสมดุลในระบบร่างกาย โดยใส่ใจในทุกรายละเอียดขั้นตอน ตั้งแต่การคิดค้น และนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพดีเยี่ยม
จากประสบการณ์ทำงานคลุกคลีในวงการทางการแพทย์มายาวนานเกือบ 27 ปี เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านเภสัชกรรม โดยตนเองและทีมงานเคยมีประสบการณ์ทำงานในบริษัทข้ามชาติประกอบธุรกิจยาเวชภัณฑ์โดยตรง ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบโจทย์ตามเทรนด์ทั่วโลก และของประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ขณะที่อายุของประชากรมีแนวโน้มยืนยาวมากขึ้น จากข้อมูลล่าสุดของทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าอายุเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 74.8 ปี ขณะที่ผู้หญิงจะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย ดังนั้น การพัฒนาของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้า มีโอกาสประชากรของไทยจะมีอายุเฉลี่ยเกิน 100 ปีได้ในอนาคต
"จุดเด่นผลิตภัณฑ์ของเรามุ่งเน้นด้านนวัตกรรมเกี่ยวข้องกับ Health&Beauty เกาะกระแส "เมกะเทรนด์" ของโลก จากผลสำรวจข้อมูล 10 ธุรกิจดาวเด่นธุรกิจ Health&Beauty มีโอกาสเติบโตติดอันดับหนึ่งมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพราะประชากรทั่วโลกมีความสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ประกอบกับในไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการป้องกันโรค การชะลอวัย และการดูแลเรื่องความงามมีความต้องการเป็นปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยหลายๆผลิตภัณฑ์เราก็ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเนื่องจากทีมงานมีความเชี่ยวชาญ และผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นออกมาจำหน่ายจำเป็นต้องสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ด้วย ไม่ใช่แค่แข่งขันระดับประเทศ"
*เจาะลึก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสุขภาพ-ความงาม
ปัจจุบันธุรกิจของ IP แบ่งเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามสำหรับคน ประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย (Wellness and Anti-Aging Products) ที่ไม่ใช่ยาซึ่งเน้นสร้างสมดุลให้อวัยวะภายในร่างกาย โดยพัฒนาจากสารอาหารที่มีหลักฐานการวิจัยว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพโดยปราศจากผลข้างเคียง ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ Probac7, Probac10 Plus, InuFOS, Beta Glucan Plus และ Multivitamin เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ TS6-Synbiotic
2) ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงาม (Aesthetic Innovation Product) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ YUUU ซึ่งเป็นโปรไบโอติคที่ช่วยดูแลความสะอาด เช่น ยาสีฟัน และมูสทำความสะอาดผิวหน้า เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงามที่ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า Perfectha, NABOTA และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด TS6-Lady Health
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์ ประกอบด้วย 3) ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมทั้งสุนัขและแมวที่คัดสรรวัตถุดิบเกรดเดียวกับอาหารมนุษย์ ภายใต้แบรนด์ MARIA , ผลิตภัณฑ์แผ่นรองซับสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Raku Pad นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ที่บริษัทย่อยเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ อาหารสุนัขและแมว Monchou (มองชู) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แชมพูรักษาโรคผิวหนัง เวชสำอาง และยารักษาโรคต่างๆ สำหรับสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ชั้นนำ เช่น Dermcare MALASEB /PYOHEX, Dr. Choice, Pet Select เป็นต้น
และ 4) ผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ใช้ในการเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อการบริโภค ได้แก่ สารผสมล่วงหน้า (Premix) ที่ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์โดยลดการใช้ยาปฏิชีวนะบนพื้นฐานของแนวคิดอาหารปลอดภัย รวมทั้งผลิตภัณฑ์สุขศาสตร์และยาปฏิชีวนะต่างๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทย่อย ได้แก่ MaxiGut Powder, MaxiMune Solution เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาเพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้แก่ลูกค้า ได้แก่ MFeed, ECOTRU EXTRA
สำหรับยอดขายบริษัทในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและชะลอวัยของคน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงพยาบาล 80% และกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป 20% ส่วนผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเป็นกลุ่มโรงพยาบาล 60% และกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป 40%
*ระดมทุน IPO หวังขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ
นายทรงวุฒิ กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมายังไม่เคยกู้เงิน เนื่องจากธุรกิจหลักไม่ได้มีความเสี่ยง และการขยายกิจการบนฐานของเงินทุน ดังนั้น วัตถุประสงค์เข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อต้องการเงินทุนไปพัฒนาและวิจัย คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และอีกส่วนหนึ่งนำไปใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมทั้งต้องการให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมของความเป็นเจ้าของธุรกิจ นอกจากนั้น ยังมีแผนนำเงินไปใช้ขยายการตลาดส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศมากขึ้น
"สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม โมเดลคล้ายกับบริษัทที่มีสินค้าเป็นนวัตกรรม บริษัทไม่ได้ผลิตเอง ไม่ได้มีโรงงานในประเทศ แต่เราไปร่วมพัฒนากับพันธมิตรต่างชาติรวมกันถึง 10 ประเทศ อาทิ คู่ค้าประเทศญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางคิดค้นผลิตภัณฑ์โปรตีนสูงช่วยเพิ่มส่วนสูง เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกเป็นต้น"
*ชูผลิตภัณฑ์นวัตกรรมดูแลสุขภาพ หนุนอัตรากำไรสูง
นายทรงวุฒิ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการตลอด 3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 59-61 บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 58% ต่อปี ส่วนอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ 9-15% ต่อปี แม้ว่ากำไรสุทธิมองว่าเติบโตได้น้อยในช่วงที่ผ่านมา แต่เป็นผลจากการใช้เงินด้านการตลาดขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป อย่างไรก็ตาม ด้านอัตรากำไรขั้นต้นมีนโยบายต้องไม่ให้ต่ำกว่า 50% บริษัทมีความสามารถทำกำไรได้สูงเพราะเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ไม่ได้กระทบการแข่งขันราคาในตลาดแต่อย่างใด
"ตัวผมและทีมงานมองมาตลอดว่าเราแข่งขันกับตัวเองมากกว่า เพราะบริษัทมี 4 กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตมาตลอด และช่วยกระจายความเสี่ยง มีหลากหลายช่องทางการขายทั้งโรงพยาบาล คลีนิก ผู้บริโภคทั่วไป ขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ละกลุ่มธุรกิจมีหลายผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ไม่ได้พึ่งพาผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง เชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านการเติบโตยั่งยืนในอนาคต"
*พบนักลงทุนไอดอลโผล่ถือหุ้นใหญ่
ตามข้อมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ภายหลังหุ้น IP เสนอขายหุ้น IPO และเตรียมเข้าซื้อขายในตลาด mai พบรายชื่อของกลุ่มนักลงทุนมืออาชีพที่เป็นเจ้าของหนังสือ Best Seller จุดประกายลงทุนในหุ้น อย่าง นายภาววิทย์ กลิ่นประทุม หรือ "แพท" และนายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ หรือ "หยง" รวมทั้งนักลงทุนรายใหญ่ VI อย่างนายคเชนทร์ เบญจกุล เข้าร่วมถือหุ้นใหญ่ด้วย
โครงสร้างผู้ถือหุ้นภายหลักการเสนอขาย IPO
นายทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร สัดส่วนถือหุ้น 51.12% นายพิริยรัชต์ ภัทรกิตต์เกษม สัดส่วนถือหุ้น 4.85% นายทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล สัดส่วนถือหุ้น 4.85% นายภาววิทย์ กลิ่นประทุม สัดส่วนถือหุ้น 3.39% นางสาวสุวิสา หวังบำรุงศักดิ์ สัดส่วนถือหุ้น 2.10% นายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ สัดส่วนถือหุ้น 2.90% นายสมพล ฤกษ์วิบูลย์ศรี สัดส่วนถือหุ้น 0.87% นางสาวบุศรา ศรีรุ่งเรือง สัดส่วนถือหุ้น 0.87% นางสาวพรพิมล ตั้งกิติเสถียร สัดส่วนถือหุ้น 2.60% นายเสริมยุทธ แย้มเกตุ สัดส่วนถือหุ้น 1.13% นายคเชทร์ เบญจกุล สัดส่วนถือหุ้น 1.55% นายชูรัชฎ์ ชาครกุล สัดส่วนถือหุ้น 0.24%
https://youtu.be/DXmszlI2T2k