ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า เฟดยังคงจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวต่อไปได้ ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้บริษัทแฟนนี เม และบริษัทเฟรดดี แมค เข้าซื้อบริษัทปล่อยกู้จำนองได้เพิ่มขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 9.36 จุด หรือ 0.07% แตะระดับ 12,694.28 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 1.27 จุด หรือ 0.09% แตะระดับ 1,380.02 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 8.79 จุด หรือ 0.37% แตะระดับ 2,353.78 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราวส่วน 17 ต่อ 14 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.2 พันล้านหุ้น
ท้อด ลีออง นักวิเคราะห์จากบริษัทโคเวน แอนด์ โค กล่าวว่า "แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่ตลาดเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลง อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ที่ร่วงลงแตะระดับ 75.0 จุดซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันมีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น"
"อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงซื้อเข้าหนุนและพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้สามารถปิดบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับเบอร์นันเก้ที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนมี.ค." ลีอองกล่าว
เมื่อคืนนี้ เบอร์นันเก้แถลงมุมมองด้านเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสของสหรัฐว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ซึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดกำลังประเมินข้อมูลทุกๆด้านที่บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจ และจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ และเพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการที่ใช้จะสามารถยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยได้
เบอร์นันเก้กล่าวว่า เหตุผลหลักที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมากนั้น มาจากตลาดที่อยู่อาศัยที่ซบเซาลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญช่วงขาลงนั้นยังมีอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มทรุดตัวลง และตลาดสินเชื่อที่คาดว่าจะยังคงตึงตัวต่อไปอีก
หุ้นแฟนนี เม ดีดตัวขึ้น 3.1% และหุ้นเฟรดดี แมค ขยับขึ้น 35 เซนต์ ปิดที่ 25.56 ดอลลาร์ จากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมพอร์ทการลงทุนของทั้ง 2 บริษัท พร้อมกับเปิดโอกาสให้เข้าซื้อบริษัทปล่อยกู้จำนองที่ประสบปัญหาขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์) ได้มากขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--