นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่การดีดตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทยอาจจะอยู่ในกรอบที่แคบลงจากเมื่อวานนี้ที่ดีดตัวขึ้นแรงกว่า 29 จุด เพราะเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่ยังมาจากภายในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันภายในประเทศที่ซื้อสุทธิเข้ามามากเมื่อวานนี้ โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากเป็นช่วงใกล้ปลายปี ซึ่งตามสถิติช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามา รวมถึงนักลงทุนสถาบันอาจพิจารณาเข้าซื้อหุ้นรายตัวที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/62 ออกมาตามคาด หรือดีกว่าคาด
ด้านปัจจัยจากต่างประเทศเริ่มคลี่คลาย โดยในส่วนของประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ถูกเลื่อนจากกำหนดเดิมในวันที่ 31 ต.ค.62 ขณะที่ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เชื่อว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในเดือนนี้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็ส่งสัญญาณว่าอาจลงนามข้อตกลงการค้ากับจีนที่รัฐไอโอวา กรณีดังกล่าวยังเป็นส่วนที่หนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ผลักดันให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันในต่างประเทศดีดตัวขึ้นตาม ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และไฟฟ้า ในตลาดหุ้นไทยให้ปรับขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย
พร้อมให้แนวรับที่ 1,605 และ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,631 และ 1,640 จุด