นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์คล้ายกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้แกว่งไซด์เวย์ลักษณะทรงตัว แม้จะมีการเลื่อนการลงนามข้อตกลงเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนออกไปเป็นเดือน ธ.ค.แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณออกมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ทำให้ตลาดต่างประเทศไม่กระเทือนมากนัก
ส่วนบ้านเราวันนี้ต้องติดตามดูปฏิกิริยาของนักลงทุนต่างชาติว่าจะขายหุ้นไทยออกมาหรือไม่ และเงินบาทจะมีทิศทางอ่อนค่าหรือไม่ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าก็อาจจะมีผลกระทบต่อตลาดฯได้ แต่อาจจะกระทบ NIM แบงก์ไม่มาก ทำให้หุ้นในกลุ่มแบงก์วานนี้ไม่ได้ปรับลงมากนัก แต่หุ้นในกลุ่มที่อยู่อาศัยจะได้รับอานิสงส์ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/62 ต่อไป พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,620-1,630 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,492.56 จุด ลดลง 0.07 จุด (-0.00%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,076.78 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด (+0.07%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,410.63 จุด ลดลง 24.05 จุด (-0.29%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 20.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 1.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.84 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.60 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 57.16 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.62) 1,623.99 จุด ลดลง 2.88 จุด (-0.18%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 660.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ย.62) ปิดที่ 56.35 ดอลลาร์/บาร์เรลลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.) อยู่ที่ 3.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.30 ทรงตัวรอปัจจัยใหม่ หลังตลาดฯมองมาตรการธปท.มีผลไม่มาก
- "แบงก์ชาติ" ปรับเกณฑ์เอื้อเงินทุนไหลออกผ่าน "4 กลุ่ม" หวังปรับสมดุลค่าเงิน สกัดบาทแข็ง มีผล 8 พ.ย.นี้ พร้อมลุ้นเงินบาทอ่อน หลังลดดอกเบี้ย-ออกมาตรการเพิ่ม ด้าน กกร.ระบุบาทแข็งฉุดรายได้ส่งออกวูบกว่า 3 แสนล้าน เตรียมหารือ "ธปท.-คลัง" ตั้งคณะทำงานร่วมแก้ปัญหา พร้อมแนะหันกลับไปใช้ระบบตะกร้าเงินแทน
- มติกนง. 5 ต่อ 2 เสียง โหวต "ลดดอกเบี้ย" สู่ระดับ 1.25% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เท่าช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ชี้ผลจากเศรษฐกิจ โตต่ำคาด เริ่มห่างไกลศักยภาพ ทั้งเงินเฟ้อยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ด้าน "สมคิด" มั่นใจ "จีพีดี" ไตรมาส 3 เริ่มดีขึ้น พร้อมมั่นใจปีหน้าฟื้น หลังรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้น แนะฉวยจังหวะเงินบาทแข็งเร่งลงทุน
- "สมคิด" ลุ้นไตรมาส 3 และ 4 กระเตื้องขึ้น หลังต้องเจอมรสุมลบทั้งใน-นอกประเทศรุมเร้า พร้อมเดินหน้าผลักดันการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ ในพื้นที่อีอีซี เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทยปี 63 พร้อมชูการพัฒนาระบบสื่อสาร 5G ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและส่งเสริมการลงทุนศูนย์ข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ
- สำรวจภาคเอกชนชี้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวยาว นักวิชาการชี้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลต่อการลดหนี้ครัวเรือนและลดต้นทุนธุรกิจ แต่จะให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวยาวถึงปี'63 รัฐบาลต้องเร่งงบลงทุนอย่างต่ำ 2 แสนล้านบาท ภายใน 6 เดือนหน้า หวังทดแทนส่งออกอนาคตยังไม่สดใส
- คลังจับมือภาคอสังหาริมทรัพย์ผุดโปรโมชั่น "11.11" บ้าน-คอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท หวังกระตุ้นยอดขาย 3.5 หมื่นยูนิตปลายปี มองยาวอานิสงส์มาตรการกระตุ้นรัฐ ดันภาคอสังหาริมทรัพย์โตพรึ่บ ปีหน้าลุ้นขยายตัว 7%
*หุ้นเด่นวันนี้
- EA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท วานนี้ ครม.อนุมัติแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินใน EEC ทำให้โรงงานแบตเตอรี่ของ EA ที่อยู่บนพื้นที่สีเขียว (ทำเกษตร) กลายเป็นสีม่วง (อุตสาหกรรม) ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานของโรงงานสร้างเสร็จแล้ว นำเข้าเครื่องจักรมาบางส่วน พร้อมผลิตแบตเชิงพาณิชย์ใน Q2/63 สำหรับกำไร Q3/62 คาดสดใส +14% Q-Q, +37% Y-Y
- GFPT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 19.5 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงงานในสมุทรปราการไปแล้ว ขณะที่ GFPT จะได้ผลบวกจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าส่งผลดีต่อธุรกิจส่งออกของ GFPT ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมด และล่าสุดได้ข่าวดีจากการที่จีนให้ใบอนุญาติส่งออกไก่ให้กับ GFPT เพิ่มอีก 1 โรงงาน