โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX จาก Valuation ปัจจุบันที่ถูก หลังสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว พร้อมลุ้นผลประกอบการไตรมาส 4/62 ฟื้นตัว จากเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ของสินค้าอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมยอดขายของ iPhone ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง น่าจะสามารถทดแทน Huawei ช่วงที่มียอดขายลดลงได้
นอกจากนี้ เงินบาทแข็งค่ายังส่งผลบวกต่อต้นทุนสินค้านำเข้าสินค้า พร้อมคาดหวังเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หากสำเร็จได้แล้ว ประเด็น Huawei อาจเป็นหนึ่งที่อาจได้รับการผ่อนผัน
ราคาหุ้น SYNEX ปิดเที่ยงวันนี้ 7.85 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET -0.01%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 13.20 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 10.00 ทิสโก้ ซื้อ 8.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 8.70
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น SYNEX โดนกดดันจากประเด็น Huawei ถูกห้ามใช้แอพพลิเคชั่นของ Google ทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันสินค้า Huawei มีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของรายได้ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่และรายเดียวในประเทศไทย
แต่อย่างไรก็ดียังคงแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปแล้วถึง 30-40% มองว่าตลาดได้รับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว ขณะเดียวกันหากไม่นำสินค้า Huawei มาคำนวน Fair value จะอยู่ที่ระดับ 8.50-9.00 บาท ซึ่งราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าและมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก และเงินปันผลที่ 5%
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ SYNEX เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ค้าส่งสินค้าไอทีเบอร์หนึ่งของไทย ซึ่งสามารถเพิ่มสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ของสินค้าอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ถือว่ายังมี position ที่ดี พร้อมทั้งสัดส่วนยอดขายของ iPhone สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสามารถทดแทนช่วงที่สินค้า Huawei มียอดขายลดลงได้ และมองว่าผลประกอบการไตรมาส 4/62 คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ และราคาหุ้นอาจสะท้อนผลงานที่ฟื้นตัว
สำหรับประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ มีแนวโน้มจะคลี่คลายหลังมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากการนัดเจรจาอีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนธ.ค.62 ซึ่งมองว่าประเด็น Huawei อาจเป็นหนึ่งในข้อต่อรองที่อาจมีการผ่อนผัน ขณะที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้งปลายปี ซึ่งมองว่าในอนาคตอาจคลี่คลายลงจากปัจจุบันคะแนนเสียงของทรัมป์ไม่ดีนักจากประเด็นสงครามการค้ากระทบเศรษฐกิจ
ส่วนประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยยะต่อสินค้านำเข้า โดยบริษัทซื้อสินค้าเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 50-60% และขายสินค้าเป็นสกุลเงินบาท
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดผลประกอบการไตรมาส 3/62 ของ SYNEX ที่ 112 ล้านบาท ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5% จากไตรมาส 2/62 โดยที่ SYNEX กล่าวว่ายอดขายที่ลดลงมาจากปัญหาความเชื่อมั่นของสินค้า Huawei โดยเฉพาะแนวโน้มในอนาคต
แต่ในเชิงบวกค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 7% ช่วยให้ต้นทุนการนำเข้า SYNEX ลดลง หนุนอัตรากำไร ในขณะที่ยอดขายมือถือ Huawei คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนในไตรมาส 3/62 และเชื่อว่าผลประกอบการจะต่ำสุดในไตรมาส 3/62 แต่ผลประกอบการทั้งปีจะเพิ่มขึ้น 9% จากฐานที่ต่ำ และการขายผลิตภัณฑ์ของ Apple รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Huawei เช่น นาฬิกา และแว่น และผลิตภัณฑ์ของหุ้นส่วนใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายในไตรมาส 4/62 ได้
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น SYNEX ลดลง 32% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และเชื่อว่าการใช้ Google บนมือถือ Huawei เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ และ Harmony-OS เองยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพัฒนา
ส่วน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/62 และไตรมาส 3/62 เป็นจุดต่ำสุด โดยผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายมีโอกาสฟื้นตัวจากการบูรณาการขายที่นำสินค้าหลายชนิดมาขายของผู้บริหาร ซึ่งทำให้แนวโน้มผลประกอบการจะฟื้นตัวจากไตรมาส 2/62 และไตรมาส 3/62 ที่แย่
ขณะเดียวกัน ราคามีช่วงลงกว่า 35% สะท้อนปัจจัยลบไประดับหนึ่งแล้ว โดยปรับตัวลงจากระดับ 9-10 บาท ลงเหลือ 6 บาทต้น สะท้อนผลประกอบการที่แย่ตั้งแต่ไตรมาส 2/62 และแนวโน้มไตรมาส 3/62 ที่ยังไม่ฟื้นตัวไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่ต่อจากนี้แนวโน้มผลประกอบการมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4/62
ทั้งนี้ ราคาพื้นฐานปี 63 ที่ปรับประมาณการลงแล้วก็ยังสูงกว่าปัจจุบัน ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 8.7 บาท โดยใช้ P/E 12.5 เท่าปี 63 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 14.90 เท่า จึงกลับมาเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ"