นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และกำกับการดูแลการปฎิบัติงาน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอต่อการชำระค่าใบอนุญาติให้บริการคลื่นความถี่ต่างๆ ที่บริษัทได้ประมูลมา เช่น คลื่นความถี่ 700, 900 และ 1800 MHz ซึ่งจะทยอยชำระไปจนถึงปี 72 มูลค่ารวม 8.3 หมื่นล้านบาท
บริษัทยังไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ทั้งจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือการออกหุ้นกู้ เนื่องจากปัจจุบันมีกระแสเงินสดในมืออยู่สูงถึง 6.3 หมื่นล้านบาท และบริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะสามารถสร้างกระแสเงินสดหมุนเวียนเพียงพอต่อการชำระค่าคลื่นความถี่ได้
ขณะที่ปี 62 บริษัทคาดว่ารายได้จากการให้บริการจะเติบโตได้ราว 5-6% และจะมีอัตรา EBITDA margin ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 43.1% แต่คาดว่า EBITDA ในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 7.46 หมื่นล้านบาท ส่วนงบลงทุนโครงข่าย บริษัทวางแผนจะใช้เงินราว 2-2.5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะโครงข่ายระบบ 4G และโครงข่ายของอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ต่อเนื่องไปอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งเตรียมเดินหน้าทดสอบ NEXT G+ ที่ควบรวมความเร็วระหว่าง 5G กับ AIS Super WiFi ทำให้ได้ความเร็วมากกว่า 5G สูงสุดถึง 2 Gbps บนมือถือ 5G เป็นครั้งแรกของโลก พร้อมเดินหน้าขยายโครงข่ายเทคโนโลยี Massive MIMO และพัฒนาโครงข่ายให้มีอัตราการตอบสนองได้เร็วขึ้น และมีค่า Latency ต่ำเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ 5G
สำหรับกรณีที่บริษัทจัดโปรโมชั่นแพ็คเกจแบบเติมเงินตามกระแสของตลาด 10 Mbps ราคา 200 บาท/เดือน มองว่าอาจจะมีผลกระทบต่อรายได้การให้บริการอยู่บ้าง แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ โดยการจัดแคมเปญตามตลาดผู้ให้บริการเครือข่ายมือ เพื่อการรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้อยู่อันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรักษาผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นควบคู่กันไปด้วย โดยบริษัทยังยืนยันนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ