บมจ.ศิรกร ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 115,348,120 หุ้น และบริษัทมีความประสงค์จะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.โกลเบล็ก เป็นผู้จัดการการจัดจำหนายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
วัตถุประสงค์การใช้ที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ โดยใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับแผนในการขยายงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และใช้ลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การขนส่ง และสภาพแวดล้อมในการทำงาน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในช่วงปี 63-64
ปัจจุบัน ศิรกร ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง โดยมีโรงงานผลิต 6 แห่ง ตั้งอยู่ที่ กาฬสินธุ์ ชลบุรี ชัยนาท ลำปาง และสุราษฎ์ธานี ส่วนที่ สงขลา อยู่ภายใต้บริษัท สี่ เอ คอนกรีต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ครอบคลุมการจำหน่ายทั่วประเทศ และธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้าง บริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และรับเหมาก่อสร้างโยธา
ส่วน บริษัท ศิริกมล คอนสตรัคชั่น จำกัด ที่มาจากการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโยธา อาทิ ก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร เป็นต้น ให้แก่กลุ่มลูกค้าในเขตภาคเหนือ โดยเน้นรับงานรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท
สำหรับโครงการในอนาคต กลุ่มบริษัทมีแผนจะเพิ่มปริมาณรับงานรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทั้งงานรับเหมาก่อสร้างโยธา สายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า โดยในปี 63 บริษัทจะสามารถเพิ่มความสามารถในการรับงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 กิโลโวลต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ด้วยตนเอง จากปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ประกอบการค้าร่วม (Consortium)
นอกจากนั้น บริษัทมีแผนการลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การขนส่ง และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมทั้งเพื่อเตรียมรองรับโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพิ่มศักยภาพของธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต บริษัทมีแผนซื้อรถขนส่งใหม่ทดแทนรถเดิม โดยจำนวนเที่ยวขนส่งและน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นจะสามารถรองรับปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ผลการดำเนินงานในช่วงปี 59-61 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 585.10 ล้านบาท, 521.29 ล้านบาท และ 637.30 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 60.18 ล้านบาท, 35 ล้านบาท และ 28.81 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีสัดส่วนต้นทุนขายเพิ่มขึ้น
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้ 317.32 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 333.10 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายลดลง แต่มีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า ขณะที่มีกำไรสุทธิ 13.62 ล้านบาท ลดลงจาก 16.23 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน
ณ 30 มิ.ย.62 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 454.79 ล้านบาท หนี้สินรวม 174.60 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 280.19 ล้านบาท
บริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 230 ล้านบาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 172,325,940 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญ 344,651,880 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วเต็มจำนวน ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 460,000,000 หุ้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ กลุ่มตั้งนุกูลกิจ ถือหุ้น 138,912,400 หุ้น คิดเป็น 40.31% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 30.20%, กลุ่มกิตติวรภัทร ถือหุ้น 36,912,800 หุ้น คิดเป็น 10.71% จะลดลงเหลือ 8.02%, กลุ่มพุ่มเสนาะ ถือหุ้น 33,256,200 หุ้น คิดเป็น 9.65% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 7.23%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่น