โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการบริหารจัดการที่ดี และการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private brand ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง โดย HMPRO ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 20.5% ในปี 62
ขณะเดียวกันยังมองว่าคลังสินค้าอัตโนมัติที่เพิ่งเปิดใช้ไปเมื่อไตรมาส 3/62 น่าจะส่งผลให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการใช้ทรัพยากรส่วนกลางร่วมกันระหว่าง ธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม ซึ่งทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความรวดเร็วในการรับส่งสินค้า และค่าเสื่อมราคาที่ลดลง
ราคาหุ้น HMPRO พักเที่ยงอยู่ที่ 16.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.60% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.71%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 18.40 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 19.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 19.20 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 19.20 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 18.90 ทิสโก้ ซื้อ 20.00
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO ยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของ เมกา โฮม และโฮมโปร มาเลเซีย รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private brand ซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่มสินค้าฝากขายทุกประเภทถึง 10-15% เห็นได้จากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีสัดส่วนสินค้า Private brand อยู่ที่ 19.9% ขณะที่ HMPRO ตั้งป้าเพิ่มเป็น 20.5% ในปี 62 ทำให้คาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
ขณะที่คาดกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท จากอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่คาดอยู่ที่ 1.9% และคาดรายได้รวมที่ 6.63 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 27.4%
สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/62 ยังมองว่า SSSG น่าจะชะลอตัว เห็นได้จากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังมีไม่มาก โดยคาด SSSG น่าจะอยู่ที่ 1% จากทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1.9% ขณะเดียวกัน HMPRO ยังมีแผนเปิดสาขาโฮมโปร 2 สาขา ได้แก่ สาขาที่ บ้านฉาง จ.ชลบุรี ในเดือน พ.ย.นี้ และที่บางนา-ตราด กม.27 ในเดือน ธ.ค.62 ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนสาขาสิ้นปีนี้อยู่ที่ 113 สาขา อีกทั้งยังเตรียมจัดงาน HomePro Expo ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 15-24 พ.ย.นี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการขายด้วย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า แนวโน้ม SSSG ของ HMPRO ในไตรมาส 4/62 น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/62 หรืออาจดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ทรงตัวหลังหดตัวลงไปจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ประกอบกับ ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand ขึ้นเป็น 20.5% ภายในปี 62 และการเปิดใช้คลังสินค้าอัตโนมัติแห่งใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น จากการใช้ทรัพยากรส่วนกลางร่วมกันระหว่างธุรกิจโฮมโปร และ เมกา โฮม ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความรวดเร็วในการรับส่งสินค้า และค่าเสื่อมราคาที่ลดลง
ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิในในไตรมาส 4/62 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และทั้งปี 62 ยังเติบโต 12% มาอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมน่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/62 และอัตรากำไรยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารจัดการ (SG&A) ที่ดีขึ้น เมื่อรวมถึงการเปิดศูนย์กระจายสินค้าในครึ่งปีหลังนี้ก็จะเป็นปัจจัยบวกหลักต่อผลการดำเนินงาน ส่วนการเปิดเมกา โฮม เพิ่ม 2 สาขาในไตรมาส 4/62 และมาตรการ"ชิม ช้อป ใช้"คาดว่าจะเห็นผลบวกไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการปีนี้ลง 3.2% เนื่องจากอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง และการปรับอัตรากำไร แต่มี SG&A ที่ดีขึ้น ทำให้ปรับมูลค่าที่เหมาะสมลงจาก 21 บาท เป็น 20 บาท และการเติบโตเฉลี่ย CAGR ที่ 11.4% เทียบกับราคาแล้ว ทำให้หุ้นยังมีความน่าสนใจ นอกจากนี้ในระยะยาวการที่สังคมเมืองและกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อ HMPRO ด้วย