นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีพีบีไอ (TPBI) กล่าวยอมรับผลประกอบการปีนี้ยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องจากปี 61 ที่ขาดทุนสุทธิ 146 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนจะลดลง เนื่องจากกลุ่มธุรกิจกลุ่ม Flexible เริ่มกลับมามีกำไรแล้ว โดยบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ที่ประเทศอังกฤษ
"เรายอมรับว่าผลประกอบการในปีนี้ยังมีผลขาดทุนอยู่ โดยปัจจัยหลักมาจากการที่เงินบาทแข็งค่ามาอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการในประเทศอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตามรายได้ยังเติบโตเพราะมีการรับรู้รายได้จากบริษัทใหม่เข้ามา"นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมผลประกอบการในปี 63 คาดว่าจะมีรายได้จะเพิ่มขึ้นและมีกำไรสุทธิได้อย่างแน่นอน จากการเพิ่มยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนให้ดีขึ้น โดยในทุกกลุ่มธุรกิจขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับออร์เดอร์ แบ่งเป็นกลุ่ม Consumable เช่น ถุงหูหิ้ว ถุงขยะ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทวางแผนขยายบรรจุภัณฑ์ประเภทใหม่
ส่วนกลุ่มสินค้า Flexible เช่น กลุ่มฟิล์ม ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาผลงานจะติดลบ แต่คาดจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเนื่องจากราคาวัตถุดิบเริ่มลดลง แต่ราคาขายยังสามารถทรงตัวได้ สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษที่ประเทศอังกฤษขณะนี้ได้ขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตไว้รองรับออร์เดอร์แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 15% ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจ Flexible กลุ่มฟิล์ม ที่ราคาขายยังทรงตัวได้ดี แต่ราคาวัตถุดิบลดลง อีกทั้งกลุ่ม Consumable ประเภทถุงขยะยังคงมีการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษ ที่มีอัตรากำไรในระดับสูง