นายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ เลขานุการบริษัท ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า สินเชื่อรวมปีนี้มั่นใจจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2-4% โดย 9 เดือนสินเชื่อของธนาคารเติบโตไปแล้ว 1.1% ซึ่งมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ขณะที่ไตรมาส 4/62 จะมีการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่
ปัจจุบัน ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อ ประกอบด้วย สินเชื่อรายย่อย 34% เอสเอ็มอีขนาดเล็ก 15% เอสเอ็มอีขนาดกลาง 13% และ สินเชื่อรายใหญ่ 38% และสินเชื่ออื่น ๆ 0.3% ขณะที่มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 9.94 แสนล้านบาท
ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ณ สิ้นปีจะอยู่ที่ไม่เกิน 2.9% โดยที่ผ่านมาธนาคารมีการตัดจำหน่ายหนี้ออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นภาระในการตั้งสำรองเมื่อประเมินแล้วว่าลูกค้าไม่สามารถชำระหนี้ได้
ทั้งนี้ การตั้งสำรองในไตรมาส 4/62 จะลดลงจากไตรมาส 3/62 ที่ตั้งไป 2,893 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ปัจจุบันอยู่ในระดับ 140% ใกล้เป้าหมายของธนาคารที่ตั้งไว้ว่าจะรักษาระดับให้มากกว่า 140% ซึ่งเพียงพอต่อการรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS 9)
ขณะที่ต้นทุนทางการเงิน (Credit cost) ปัจจุบันอยู่ที่ 141 bps สูงกว่ากรอบเป้าหมายที่วางไว้ 125-130 bps โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาในการควบรวมกิจการ และคาดว่าในไตรมาส 4/62 จะยังมีค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ ซึ่งธนาคารมีแผนที่จะลดการตั้งสำรองหนี้ลงเพื่อทำให้ Credit cost กลับมาอยู่ในกรอบที่วางไว้
สำหรับความคืบหน้าการควบรวมกิจการกับธนาคารธนชาต (TBANK) นั้น คาดว่าในเดือน ธ.ค.62 กระบวนการซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จ และจะเริ่มขั้นตอนการควบรวมกิจการของ 2 ธนาคารในต้นปี 63 ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 18 เดือน หรือแล้วเสร็จกลางปี 64 โดยธนาคารจะเริ่มให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนธุรกิจ และทิศทางหลังควบรวมให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในช่วงไตรมาส 1/63