นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนงาน โดยมีกำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า 8,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,060 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 15%
หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 บริษัทมีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า 2,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 15 ล้านบาท
อนึ่ง EGCO แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 2.82 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.36 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.95 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 7.50 บาท
นายจักรกริช กล่าวว่า ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 จนถึงปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีความก้าวหน้าในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูรา ประเทศฟิลิปปินส์ ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.62 และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี สปป.ลาว ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.62 ซึ่งโรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูราเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 และโรงไฟฟ้าไซยะบุรีจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป
สำหรับความสำเร็จด้านการลงทุนใหม่ เอ็กโก กรุ๊ป ได้ลงทุนสัดส่วน 44.6% ในบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด เพื่อดำเนินโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 25 ก.ย.62 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาจัดหาเงินกู้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/63 ในขณะที่การก่อสร้างมีความก้าวหน้า ประมาณ 19%
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง "กังดง" ประเทศเกาหลีใต้ คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/63 และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ "น้ำเทิน 1" ใน สปป.ลาว ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/65 นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่เป็นธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจให้บริการขนส่งน้ำมันโดยระบบขนส่งทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4/64
ณ วันที่ 31 ต.ค.62 เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 28 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 5,475 เมกะวัตต์ ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้