โบรกเกอร์ เชียร์ "ซื้อ"หุ้นบมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) มองผลประกอบการไตรมาส 3/62 เป็นจุดต่ำสุด ลุ้นส่งสัญญาณพลิกฟื้นตัวช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ รับอานิสงส์สเปรดผลิตภัณฑ์ PET เริ่มดีดตัวปลายปี ตามทิศทาง Demand และ Supply เข้าสู่ภาวะสมดุล คาดปิดดีลซื้อกิจการ Hunstman ดีลซื้อกิจการที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูงที่สุดของ IVL ในไตรมาส 4/62 เสริมศักยภาพทำกำไรโดดเด่นตั้งแต่ต้นปี 63 หนุนประมาณการกำไรสุทธิในปี 63 โตเกือบเท่าตัวแตะ 2.05 หมื่นล้านบาท ขณะที่โรงงาน Polyester โรงงาน PET recycle และการผลิต MEG ที่สหรัฐฯเตรียมกลับมาผลิตได้เต็มกำลัง และเปิดโรงงาน Gas Cracker ในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยบวกสนับสนุน
ในด้าน Valuation มองอัพไซด์น่าสนใจลงทุน หลัง 6 เดือนราคาหุ้นร่วงลงไปกว่า 30% ก่อนเริ่มฟื้นตัวมาแล้ว 3% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ลงทุนดีขึ้นกับผลประกอบการในอนาคต
พักเที่ยงราคาหุ้น IVL อยู่ที่ 31.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.79%) ขณะที่ SET -0.43%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 45
ยูโอบีเคย์เฮียน ซื้อ 46
ไอร่า ซื้อ 48
กรุงศรี ซื้อ 45
เอเซีย พลัส ซื้อ 42
ทรีนีตี้ ซื้อ 37
อนึ่ง IVL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 793 ล้านบาท ลดลง 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 65% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่งผลให้งวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 6,767 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24,110 ล้านบาท ลดลง 71.93% สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนสต็อกผลิตภัณฑ์ (stock loss) สูงกว่า 2,000 ล้านบาท และผลจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานนอกเหนือแผน นอกจากนี้ ราคาส่วนต่างผลิตภัณฑ์ (สเปรด) ของ PET และ PTA เริ่มอ่อนแอมาตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาจากความกังวล Supply ที่เพิ่มมากในปีนี้
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ว่าผลประกอบการ IVL ในไตรมาส 3/62 จะต่ำกว่า Consensus คาดถึง 80% แต่ถ้าสังเกตจากราคาหุ้นในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวมาแล้วราว 3% จากที่เคยปรับตัวลดลงไปถึง 31% ในช่วง 6 เดือน เป็นสิ่งสะท้อนความเชื่อมั่นผู้ลงทุนที่ดีขึ้นจากแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีกำลังฟื้นตัว หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/62 ทำให้คาดการณ์ทิศทางกำไรในไตรมาส 4/62 จะเริ่มฟื้นตัวมาอยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท เพราะราคาผลิตภัณฑ์ PET เข้าสู่จุดต่ำไปแล้ว ก่อนจะเริ่มเห็นการดีดตัวขึ้นของราคาในปลายปีนี้ ตามทิศทางของ Demand และ Supply เริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น
นอกจากนี้ เตรียมรับรู้ปัจจัยบวกในต้นปี 63 น่าจะมีการประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการบริษัท Huntsman Corporation ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพทำกำไรของ IVL เพิ่มขึ้นในระยะถัดไป
แม้ว่าฝ่ายวิจัยฯ จะปรับลดประมาณการปี 62 ลง 43% เหลือ 10,368 ล้านบาทจากผลประกอบการต่ำกว่าคาด เป็นการปรับผลของ Stock Loss ในช่วง 9 เดือนที่สูงถึง 6,200 ล้านบาท และปรับ core EBITDA ลงจากเดิมที่ 103 เหรียญสหรัฐต่อตัน มาเป็น 95 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในปี 63 ปรับประมาณการลง 13% เหลือ 18,260 ล้านบาท จาก core EBITDA ลงจากเดิมที่ 107 เหรียญสหรัฐต่อตัน มาเป็น 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ได้ปรับมาใช้ราคาเป้าหมายเป็นปี 63 อยู่ที่ 45 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 44 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 9.5 เท่า เป็นเหตุผลยังคงคำแนะนำ"ซื้อ" อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าที่อาจจะมีผลลบต่อธุรกิจปิโตรเคมีทำให้ส่วนต่างราคาปรับลดลงได้เช่นกัน
"IVL ถือเป็นหุ้นหนึ่งตัวที่น่าลงทุน หลังจากประกาศงบไปแล้ว แม้ว่ากำไรไตรมาส 3 ออกมาแย่กว่าคาดมาก แต่ในไตรมาส 4 และต่อเนื่องไปในปี 63 มองเห็นปัจจัยบวกที่จะเข้ามาสนับสนุน ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเยอะ ดังนั้น จึงมองเป็นโอกาสซื้อลงทุนเพราะมีอัพไซด์ผลตอบแทนน่าสนใจ"นายมงคล กล่าว
ขณะที่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาเป้าหมายปี 63 มาที่ 46 บาท ทำให้หุ้น IVL มีอัพไซด์ที่น่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงมากกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/62 ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาดไว้ค่อนข้างมาก แต่ถ้ามองเฉพาะกำไรหลัก IVL จะอยู่ที่ 2,778 ล้านบาท หรือลดลง 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลงต่ำกว่ากำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในธุรกิจ ทำให้คาดกำไรของ IVL ในปี 63 มีโอกาสเติบโตสูงถึง 55% เมื่อเทียบกับผลประกอบการปีนี้
ส่วน บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินกำไรสุทธิในปี 63 ของ IVL คาดเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดดเด่นตั้งแต่เดือน ม.ค.63 เป็นต้นไป หลังการเข้าซื้อกิจการ Huntsman คาดว่าจะเรียบร้อยช่วงไตรมาส 4/62 รวมถึงการเปิดดำเนินงานโรงงาน Gas Cracker ที่สหรัฐฯ ขณะที่โรงงาน Polyester โรงงาน PET recycle และการผลิต MEG ที่สหรัฐฯจะกลับมาผลิตได้เต็มกำลัง เป็นปัจจัยผลักดันกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว คาดอยู่ที่ 20,543 ล้านบาท อิงตามราคาเป้าหมายปี 63 อยู่ที่ 48 บาท ค่าเฉลี่ย P/E อยู่ที่ 13 เท่า
สำหรับประเด็นการลดการใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งของหลายๆ ประเทศนั้น ฝ่ายวิจัยฯ คาดไม่ส่งผลกระทบกับ IVL มากนัก เนื่องจากพลาสติกประเภท PET สามารถ recycle โดย IVL มีผลิตภัณฑ์ R-PET เพื่อรองรับความต้องการของตลาดเช่นเดียวกับสงครามการค้าไม่ได้ส่งผลกระทบ IVL โดยตรง เนื่องจากมีโรงงานกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคทั้งสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย