นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย (TAA) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของปี 63 คาดว่าจะไม่โตไปกว่าปี 62 ที่ยังขาดทุน เพราะภาพรวมการท่องเที่ยวยังไม่ดี ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจสายการบิน และไม่สามารถขยายหรือเพิ่มเที่ยวบินได้เพราะสนามบินอยู่ในภาวะแออัด
"โลว์คอสต์มาถึงจุดวิกฤต ปีก่อนขาดทุนทุกสาย ปีนี้ก็ขาดทุน เจอบาทแข็ง คนเดินทางน้อยลง และ ในประเทศก็เดินทางลดลง เศรษฐกิจมีผล ความมั่นใจใช้เงินลดลง"นายธรรศพลฐ์ กล่าว
ในไตรมาส 4/62 แนวโน้มผลประกอบการ AAV ปรับตัวดีขึ้นบ้าง หากเทียบกับไตรมาส 4/61 ที่ภาวะท่องเที่ยวชะลอตัวมาก แต่ไม่แข็งแรงเท่าเดิม
โดยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา สายการบินไทยแอร์เอเชียได้ปรับลดเที่ยวบินลง 15% เพราะจำนวนผู้โดยสารในประเทศลดลง และท่องเที่ยวซบเซา จากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลดลงไปมาก ทำให้รับผลกระทบ จึงต้องปรับลดเที่ยวบินเส้นทางหลักที่มีทำการบินหลายเที่ยวบิน อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และ ขอนแก่น ส่งผลให้อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ดีขึ้นมาที่ 87-89% หรือเพิ่มขึ้นมา 4-5% จากก่อนที่ปรับลดเที่ยวบินอยู่ที่ 84% ทั้งนี้ สายการบินอื่นก็ปรับลดเที่ยวบิน 15-20% เช่นกัน ซึ่งก็ช่วยลดต้นทุนได้บ้าง
ส่วนในไตรมาส 1/63 ผลประกอบการคงขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท หากยังแข็งค่าขึ้นก็คงต้องเหนื่อย แต่หากอ่อนค่าลงมาก็มีโอกาสนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาบ้าง
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกสายการบินไทยแอร์เอเชียจะยังไม่รับมอบเครื่องบินเข้ามาเพิ่มเติม แต่คาดหวังครึ่งปีหลังธุรกิจน่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ คงต้องขอรอประเมินสถานการณ์ โดยในแผนเดิมกำหนดจะรับมอบเครื่องบิน 5 ลำ ขณะที่ปี 62 ได้รับมอบเครื่องบินเข้ามา 4 ลำจากแผนที่กำหนดไว้ 5 ลำ
"ตัวเราลดต้นทุน เราลีนออกไม่เหลือไขมันแล้ว บุคคลากรไม่เกิน เครื่องบินก็ใช้คุ้ม 13 ชม./ลำ/วัน เหลือแต่รายได้ รอให้เข้ามามากขึ้น นักท่องเที่ยวต้องกลับมา ปีหน้าคิดว่าไม่ได้โตกว่าปีนี้ ภาพรวมไม่เอื้ออำนวย"นายธรรศพลฐ์ กล่าว