หุ้น STEC ราคาขยับขึ้น 1.39% มาอยู่ที่ 14.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,019.27 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 15.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 15.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 14.10 บาท
วานนี้ (13 พ.ย.) หุ้น STEC ปิดร่วง 19.5% มาที่ 14.40 บาท ลดลง 3.50 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ 4 ราย กรณีร่วมกันเรียกรับเงิน 20 ล้านบาทจากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่รับว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ใช้ท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้า ตลอดจนให้เรือลำเลียงเข้าเทียบท่าเพื่อขนถ่ายชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยไม่ชอบ และชี้มูลความผิดบมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนต์ คอนสตรัคชั่น (STEC) รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ อีกสองราย ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสี่รายในการกระทำความผิด
ขณะที่ STEC ยืนยันว่า บริษัทมีนโยบายดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบและมีมาตรการป้องกันปราบปรามการทุจริตภายในองค์กรอย่างเข้มงวดตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงแสดงหลักฐานโต้แย้งการถูกกล่าวหาข้างต้นได้ โดยบริษัทขอยืนยันที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด
ฝ่ายวิจัยทรีนีตี้ มองว่ากรณีดังกล่าวน่าจะถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รับการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. ซึ่งเป็นการสืบสวนความในขั้นต้น ด้วยมูลความผิดทางอาญา โดยป.ป.ช.มีมติส่งคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ทำให้อยากจะเห็นจุดยืนจากตลท.ว่ามีมุมมองในแง่กฎหมายในกรณีที่เกิดขึ้นครั้งแรกนี้ว่าเป็นอย่างไร จึงอยากให้รอความชัดเจนในประเด็นนี้เสียก่อนว่าทางตลท.จะมีมติหรือความเห็นเป็นเช่นไรในกรณีดังกล่าวก่อนที่จะใช้คำแนะนำและราคาเป้าหมายที่ทรีนีตี้ให้ไว้
โดยทรีนีตี้ มีคำแนะนำตามปัจจัยพื้นฐาน "ซื้อ"สำหรับ STEC ให้เป้าหมายปี 62 ที่ 23 บาท บนสมมติฐานการรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการงานก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 สายใหม่ ล่าสุดที่มาร์จิ้นไม่ดี ทว่ามี backlog ที่แข็งแรงมาก เมื่ออิง Avg P/E ของ 5 ปีเฉลี่ยย้อนหลัง = 25.7 เท่า ของกำไรสุทธิต่อหุ้น ณ ปี 62