นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 1946.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,861 ล้านบาท จำนวน 85.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.61% และมีกำไรสุทธิ 35.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 58.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 160.91%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/62 บริษัทมีรายได้รวม 692.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 682.80 ล้านบาท จำนวน 9.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.42 % และมีกำไรสุทธิ 29.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 46.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 164.57 %
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของโครงการภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย ปรับตัวดีขึ้นมาก
สำหรับทิศทางภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์คอนกรีตช่วงโค้งสุดท้ายมีแนวโน้มดีกว่าไตรามาส 3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) นิคมอุตสาหกรรม ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังทรงตัว
แผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/62 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐานและเอกชน ได้อย่างหลากหลาย อาทิ ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และเน้นการขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูปกลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%