นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเข้าพบนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อรับทราบความคืบหน้าใน 4 เรื่องหลักที่ก่อนหน้านี้ FETCO ได้เข้าไปนำเสนอข้อมูลแล้ว คือ 1.ทำอย่างไรให้ SMEs เข้าถึงตลาดเงินตลาดทุนมากขึ้น 2.การให้ความรู้ด้านการลงทุนให้แก่ประชาชนเพื่อเพิ่มนักลงทุนในตลาดทุน 3.แนวทางในการพัฒนาตลาดทุนหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนที่มีตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมอยู่ด้วย และข้อสุดท้าย คือ 4.จะขอความชัดเจนเกี่ยวกับกองทุน LTF รูปแบบใหม่ที่จะมาทดแทนกองทุนรูปแบบเดิม
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 63 มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ปีนี้ดัชนีปรับขึ้นไปเพียง 3% ขณะที่ตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 20% โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังจะได้แรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติที่คาดว่าจะไหลออกจากตลาดอื่นๆ ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วในปีนี้ คาดว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าประเทศมากถึง 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลบวกจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น และมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจะช่วยหนุนการส่งออกไทยให้ไม่ติดลบ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมไปถึงงบประมาณของภาครัฐที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการเติบโตขึ้น
นายไพบูลย์ มองว่าปี 63 จะเห็นความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนตั้งแต่ช่วงต้นปี ขณะที่ประเด็นการที่อังกฤษออกจากสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (Brexit) จะมีการข้อตกลงเกิดขึ้น รวมถึงจะเห็นผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำด้วย
"ปีนี้ตลาดหุ้นบ้านเราถือว่าน่าผิดหวัง เมื่อเทียบประเทศอื่นๆ เพราะหากดูจากตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีความไม่สงบเกิดขึ้น แต่ดัชนียังปรับตัวขึ้นได้ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทยที่ 3% ขณะที่ปี 63 คาดว่าหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์จากเงินทุนค่างชาติไหลเข้า เพราะตลาดเรายังไม่ได้สะท้อนภาพความเป็นจริง แต่ตลาดอื่นๆรับรู้ไปหมดแล้ว"นายไพบูลย์ กล่าว