บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) ตั้งเป้าปี 51-55 มีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15% จากในปี 50 ที่มีรายได้ 7.39 หมื่นล้านบาท โดยโอเลฟินส์ยังเป็นสินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท ขณะที่รายได้จากโอลิโอเคมิคอลจะเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้จะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 30% ในปีนี้ โดยเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตของโอเลฟินส์เพิ่มเป็น 1.7 พันล้านตันจาก 1.6 พันล้านตัน และเพิ่มเป็น 2 พันล้านตัน และ 2.88 พันล้านตันในปี 52 และปี 53 ตามลำดับ นอกจากนี้ ปีนี้จะเพิ่มการผลิตโอลิโอเคมิคอล 3.3 แสนตัน และปีหน้าเพิ่มเป็น 4.13 แสนตัน
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน โดยวงเงินลงทุนเดิมในช่วง 5 ปี(49-53) อยู่ที่ 9.7 หมื่นล้านบาท และบริษัทได้ปรับปรุงงบลงทุนในช่วง 5 ปีใหม่ (ปี 51-55) วเงินรวม 6.5 หมื่นบ้านบาท ซึ่งในช่วงปี 51 เดิมตั้งงบลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะปรับเพิ่มมาอยู่ที่ประมาณ 3.7-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่ลงทุนมากที่สุด หลังจากที่ปี 50 ใช้เงินลงทุนเพียง 2.5 พันล้านบาท จากที่ตั้งงบไว้ 3.9 พันล้านบาท โครงการที่ลงทุนได้เลื่อนมาลงทุนปีนี้เป็นส่วนใหญ่
นงส.ปนัดดา กนกวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการเงิน และบัญชี PTTCH คาดว่า บริษัทจะออกหุ้นกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งหลังปี 51 เสนอขายนักลงทุนในประเทศ จากจำนวนเงินที่บริษัทสามารถกู้ได้ 1 - 1.4 หมื่นล้านบาทในปีนี้ โดยเห้นว่าความต้องการใช้เงินอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง
"เราคิดว่าจะออกขายหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านทีเดียว ปีที่แล้วคิดว่าจะออกหุ้นกู้ แต่ก็เลื่อนไป" น.ส.ปนัดดากล่าว
*แนวโน้มตลาดปิโตรเคมีปีนี้ยังดีอยู่
นางพันธ์ทิพ อึ้งพาสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวางแผนธุรกิจองค์กร PTTCH คาดว่าในปี 51 ส่วนต่างโอเลฟินส์ยังคงระดับสูงได้อยู่ที่ 490 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 485 เหรียญ/ตัน สเปรดของโพลิเมอร์ (HDPE) คาดปีนี้อยู่ที่ 700 เหรียญ/ตัน สูงกว่าปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ย 666 เหรียญ/ตัน ส่วนสเปรด MEG ในปีนี้จะปรับลดลง โดยคาดราคาอยู่ที่ 370 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนราคาเฉลี่ยขึ้นไปถึง 450 เหรียญ/ตัน
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/51 สเปรดของโอเลฟินส์ จะดีกว่าในไตรมาส 4/50 และยังดีต่อเนื่องไปไตรมาส 2 และเริ่มปรับลงในไตรมา 3 เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมีซัพพลายเข้ามาในตลาดประมาณ 5 ล้านตัน มาจากซาอุดิอาระเบีย 4 โครงการ รวม 4 ล้านตัน และคูเวตอีก 1 ล้านตัน
ขณะที่ HDPE ในปีนี้ยังคงดีอยู่ เพราะซัพพลายในตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มจากในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มจะเลื่อนไปเริ่มผลิตได้ในปี 52 ทำให้สเปรดยังดีอยู่ แต่สำหรับ MEG สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี แม้ว่าสเปรดในไตรมาส 4/50 จะสูงมากถึง 702 เหรียญ/ตัน จากโรงงานในซาอุดิอาระเบียหยุดเดินเครื่องที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ในปีนี้กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติ ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะเริ่มลงในไตรมาส 2
ตามประมาณการของ CMAI ประเมินว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปีนี้ยังขยายตัวได้ประมาณ 4% จากความต้อกงารที่ยังคงมีอยู่ และจะเริ่มค่อยๆเข้าสู่ขาลงในปลายปีนี้หรือต้นปี 52 เพราะซัพลลายจะเริ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้น
"ในปี 08 เราคิดว่าดีมานด์ก็ยังสูง ซัพพลายส่วนเพิ่มไม่มาก เรียกว่า ภาวะยังคงตึงตัวอยู่ เท้ยบกับปี 07 ตึงตัวพอๆกัน จากเดิมมองว่าปีนี้ซัพพลายจะเกิด แต่ดูโครงการที่อิหร่านยังไม่มาตามนัด" นางพันธ์ทิพ กล่าว
ส่วนโอลิโอเคมิคอล บริษัทเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากผ่านช่วงทดสอบ และสามารถสร้างมาร์จิ้นให้กับบริษัทได้สูงที่สุด จากต้นทุน 100 เหรียญ/ตัน แต่มีสเปรด 200 เหรียญ/ต้น
"ความตั้งใจโอลิโอฯไม่ได้จะทำเป็นไบโอดีเซล แต่จะทำเป็นเคมี นำมาผลิตเป็นกรีเซอรีน ที่ใช้เกี่ยวกับสินค้าสุขภาพ อุตสาหกรรมยา ซึ่งตัวนี้ราคา ณ วันนี้ไปถึง 1,400 เหรียญ/ตัน จากแต่ก่อนราคาอยู่ที่ 600 เหรียญ/ตัน ตัวนี้แหละจะช่วยโอลิโอของเรา ให้มีมาร์จิ้นสูง ทำให้บริษัทมีกำไรในธุรกิจนี้อยู่" นางพันธ์ทิพ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--