นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในปี 63 ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องโดยบริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจซื้อหนี้เข้ามาบริหาร คาดว่าสัดส่วนรายได้จะอยู่ที่ 70-80% , ธุรกิจติดตามทวงหนี้ 10-20% ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ 5%-10%
ขณะที่ผลงานในปีนี้คาดว่าจะรายได้จะทำนิวไฮได้ตามเป้าหมายที่จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนมีรายได้ 265 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 85 ล้านบาท
"ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ CHAYO ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้วรวม 4,807.32 ล้านบาท โดยเฉพาะในไตรมาส 3 เป็นช่วงที่มีหนี้ทยอยออกมาเพิ่มขึ้น และคาดจะมีต่อเนื่องมากขึ้นไปจนถึงปลายปี ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างเจรจาการซื้อหนี้และ/หรือประมูลหนี้กับสถาบันการเงินอีก 3 - 4 แห่ง สนับสนุนแผนงานการซื้อหนี้ในปี 62 ของ CHAYO พร้อมทั้งเดินหน้าธุรกิจปล่อยสินเชื่อเสริมทัพรายได้ปีนี้"นายสุขสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3/62 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 68.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.63% จากงวดเดียวกันปีก่อน ประกอบกับ ไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายอีกจำนวน 12.89 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 30.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.34% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่ 60.7% และอัตรากำไรสุทธิที่ 45.1%
ขณะที่งวด 9 เดือนปี 62 มีรายได้รวม 222.09 ล้านบาท และกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายอยู่ที่ 19.69 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 91.54 ล้านบาท เติบโต 42.20% เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 64.38 ล้านบาท โดยในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 64.3% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 41.2%
สาเหตุที่ทำให้รายได้รวมและกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปีนี้ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินและกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ CHAYO จะยังคงเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังเดินหน้าธุรกิจปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสนับสนุนการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ให้เติบโตและแข็งแรงขึ้นต่อไป โดยบริษัทมองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้สถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหนี้และ/หรือประมูลหนี้จากสถาบันการเงินจำนวน 3 - 4 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปีนี้
ขณะที่มูลหนี้คงค้าง ณ ไตรมาสที่ 3/62 อยู่ที่ 42,173 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจำนวนประมาณ 35,050 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 7,123 ล้านบาท
นายสุขสันต์ ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทเตรียมสรุปแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 63 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกรมบังคับคดีอนุมัติซื้อขายที่ดิน โดยบริษัทจะดำเนินการซื้อที่ดินดังกล่าวเพื่อร่วมกับพันธมิตรที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 8 ชั้น มูลค่าโครงการราว 300 ล้านบาท
"เรากำลังรอกระบวนการจากกรมบังคับคดี ซึ่งหากได้ที่ดินมาก็ต้องมาพิจารณาก้อนว่าจะทำอย่างไรหากขายแล้วทำกำไร ก็ขาย หากทำคอนโดฯ แล้วกำไรมากกว่าก็ทำ ซึ่งเราจะมีพันธมิตรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาร่วมในโครงการด้วย"นายสุขสันต์ กล่าว