ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลที่ตัวเลขชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น และความกังวลหลังจากที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจมีธนาคารพาณิชย์รายย่อยอีกหลายแห่งในสหรัฐล้มละลาย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 112.10 จุด หรือ 0.88% แตะระดับ 12,582.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 12.34 จุด หรือ 0.89% แตะระดับ 1,367.68 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 22.21 จุด หรือ 0.94% แตะระดับ 2,331.57 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.46 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขชาวสหรัฐที่เข้าขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 19,000 คน แตะระดับ 373,000 คน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.เป็นต้นมา
"ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานปรับตัวขึ้นเกือบจะแตะระดับ 400,000 คนแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถึง 50% ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ชัดเจนว่านายจ้างมีความระมัดระวังมากขึ้นในการจ้างงานใหม่" สก็อต เว็น นักวิเคราะห์จาเอจี เอ็ดเวิร์ด แอนด์ ซัน กล่าว
ขณะที่ ฮิวจ์ จอห์นสัน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทจอห์นสัน อิลลิงตัน แอดไวเซอร์ กล่าวว่า "ดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 100 จุดหลังจากปิดบวกแข็งแกร่งเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเบอร์นันเก้แถลงต่อสภาคองเกรสว่า แม้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ แต่มีธนาคารรายย่อยอีกหลายแห่งที่เสี่ยงจะล้มละลาย โดยนับตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา มีธนาคารพาณิชย์รายย่อยล้มละลายแล้ว 3 แห่ง เนื่องจากขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง"
"การที่เบอร์นันเก้ประเมินว่าจะมีธนาคารพาณิชย์รายย่อยประสบปัญหาเพิ่มขึ้นอีกทำให้นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจการธนาคารในสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนก็วิตกกังวลในเรื่องเหล่านี้มากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่าเบอร์นันเก้เป็นประธานเฟดที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น เพราะเขากล้ายอมรับว่าจะมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ประสบปัญหา ซึ่งการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้จะทำให้นักลงทุนมองเห็นภาพรวมที่แท้จริง" จอห์นสันแสดงความเห็น
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้กล่าวต่อสภาคองเกรสสหรัฐว่า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากปัญหาในตลาดปล่อยกู้จำนอง และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มเผชิญภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)
หุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ปิดร่วงลง 9.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4 สูงถึง 2.95 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นธอร์นเบิร์ก มอร์ทเกจ ดิ่งลง 15.4%
ส่วนหุ้นเอ็มจี โกลบอล ร่วงลง 27.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 141.5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเดลล์ อิงค์ ดิ่งลงกว่า 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--