นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้ารวมทั้งอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 จะเติบโตโดดเด่นเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ จากการทยอยรับรู้รายได้ของงานโครงการที่ถูกเลื่อนส่งมอบในช่วงปลายปี โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ทั้งหมด 100% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการขนาดใหญ่ จึงยังคงเชื่อมั่น ผลประกอบการทั้งปี 2562 จะสามารถเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ ตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 5% จากปีก่อนมีรายได้ 2,923 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงความเป็นผู้นำงานโครงการในส่วนของอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่าง และเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีสัดส่วน 68% และมั่นใจจะรักษาความเป็นผู้นำงานโครงการอย่างต่อเนื่องได้ พร้อมขยายธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และส่งออก โดยเฉพาะตลาดเวียดนามที่บริหารงานผ่านบริษัทย่อย Lighting & Equipment (Vietnam) Co., Ltd. และมุ่งขยายไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน สร้างความแข็งแกร่งในอนาคต
"เรามั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจแสงสว่างในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน จะมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาด LED ที่มีความต้องการใช้แทนหลอดไฟแบบเดิม และในระยะยาวจะมีแผนการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนที่เดินหน้าโครงการอย่างชัดเจน ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์แสงสว่างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในตลาดผู้บริโภคก็หันมาใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน และอายุยาวนาน ซึ่งรวมถึงการมุ่งเน้นพัฒนา นวัตกรรมของอุปกรณ์แสงสว่างเพื่อความสวยงาม และการตกแต่งบรรยากาศ จะสนับสนุนให้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯได้รับการตอบรับ เป็นแบรนด์คุณภาพของคนไทยที่อยู่ในใจลูกค้าทุกกลุ่ม"นายปกรณ์ กล่าว
นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการบริษัทฯไตรมาส 3/2562 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 715 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 2% เป็นผลจากมีงานบางส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิอาคารเทียบเครื่องบินรองและงานบางส่วนของรัฐสภาต้องเลื่อนการส่งมอบงานออกไปในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
รวมถึงผลจากการชะลอโครงการของภาครัฐ ในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์แสงสว่างจากของเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ LED เพื่อประหยัดพลังงาน นอกจากนี้สงครามการค้าจีน-อเมริกาที่ยังยืดเยื้อ ทำให้มีสินค้าจากจีนจำนวนมากทะลักเข้ามาในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจขายส่ง/ขายปลีก ส่วนงานส่งออกไปต่างประเทศปรับตัวลดลงเพราะประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดย L&E มีสัดส่วนส่งออกอยู่ที่ 2% และยอดขายในประเทศ 98%
ส่วนกำไรงวดไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่ 23.3 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 34% เป็นผลจากกำไรขั้นต้นรวมรายได้อื่นลดลง 20.4 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุใหญ่มาจากการเลื่อนส่งมอบงานโครงการบางส่วนออกไปรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 6.9 ล้านบาท สาเหตุหลักเป็นผลจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงานได้ปรับตัวลดลง ขณะที่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมลดลง 1.7 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,861 ล้านบาท มีกำไร 22.7 ล้านบาท