นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ลีซ อิท (LIT) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเตรียมออกหุ้นกู้ในเดือน ธ.ค.62 นี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำไปชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ อีกทั้งเพื่อรองรับแผนการเติบโตของปี 63
ทั้งนี้ ในอดีตการเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเสมอ และคาดว่าครั้งนี้ที่บริษัทได้รับการประเมินจากบริษัท ทริส เรทติ้ง ในระดับ BBB- (Investment Grade) จะส่งผลทำให้การขายหุ้นกู้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดียิ่งขึ้น และยังสามารถลดต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นต้นทุนหลักของบริษัทฯได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการ (CG Score) ประจำปี 2562 ในระดับดีเลิศ (Excellent) ต่อเนื่องถึง 2 ปีซ้อน (2561-2562 )
LIT ระบุว่า ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ "BBB-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการที่บริษัทมีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง รวมถึงมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพอใจ และมีแหล่งเงินทุน และสภาพคล่องที่เพียงพอ ในการประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงประวัติการดำเนินงานที่เพียงพอของบริษัทในการให้สินเชื่อแก่กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เน้นการรับงานโครงการจากภาครัฐอีกด้วย
ทริสเรทติ้งคาดว่าฐานเงินทุนของบริษัทฯจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าด้วยปัจจัยสนับสนุนดังนี้ 1) การที่บริษัทฯมีสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อระยะสั้น (ต่ำกว่า 6 เดือน) ซึ่งทำให้สินเชื่อคงค้างครบกำหนดด้วยอัตราที่เร็วกว่า และทำให้การขยายตัวของภาระหนี้ช้ากว่าบริษัทฯที่ให้สินเชื่อระยะยาว 2) ฐานทุนที่เพิ่มขึ้นจากผลกำไรที่ดีและอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับปานกลาง และ 3) นโยบายการเติบโตแบบยั่งยืนของผู้บริหารของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีประวัติการดำเนินงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในสินเชื่อที่ให้แก่กลุ่มลูกค้า SMEs โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ ทั้งนี้ บริษัทฯให้บริการทางการเงินที่หลากหลายแก่กลุ่ม SMEs ซึ่งประกอบไปด้วย สินเชื่อลีสซิ่งและเช่าซื้อ สินเชื่อรับซื้อลูกหนี้การค้า สินเชื่อเพื่อค้ำประกันซองประมูล สินเชื่อเพื่อจัดหาสินค้าหรือสนับสนุนเงินทุน และบริการธุรกรรมต่างประเทศ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯส่วนมากเป็นลูกค้า SMEs ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ รูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจะมี 3 ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตัวบริษัทเอง ลูกค้า (ลูกหนี้ของบริษัท) และลูกหนี้ของลูกค้า (หน่วยงานภาครัฐหรือบริษัทเอกชนรายใหญ่) โดยหลักสำคัญของรูปแบบการดำเนินธุรกิจจะมีการโอนสิทธิในการเรียกรับการชำระเงินจากลูกหนี้ของลูกค้ามาให้ทางบริษัทฯหลังจากที่สินเชื่อได้รับการอนุมัติให้แก่ลูกค้าแล้ว
และยังมองว่าจุดแข็งของบริษัทฯอยู่ที่การมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ซึ่งการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐยังช่วยลดความเสี่ยงทางด้านเครดิตของบริษัทลงได้อีกส่วนหนึ่งด้วย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 บริษัทฯมีสัดส่วนสินเชื่อที่ให้แก่กลุ่มลูกค้า SMEs ที่รับงานของโครงการภาครัฐอยู่ที่ 60% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
ทริสเรทติ้งมองว่า ในระยะยาวบริษัทฯน่าจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในการขยายธุรกิจ และจะยังคงมีส่วนต่างอายุของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นบวก การที่สินเชื่อส่วนใหญ่ของบริษัทฯเป็นสินเชื่อระยะสั้นนั้น มีส่วนช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯมีสถานะสภาพคล่องที่ดีกว่าบริษัทฯที่ปล่อยสินเชื่อระยะยาวเป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายทั้งจากวงเงินกู้ยืมที่ได้รับจากทางธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมถึงการออกตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทฯจะค่อยๆ พัฒนาสถานะทางการตลาด ตลอดจนความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานความคาดหมายที่บริษัทฯจะคงฐานทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลงได้อีกด้วย