นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปี 63 จะมีสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 60%, ต่างประเทศ 30% และรายได้ค่าโฆษณา 10% จากปีนี้อยู่ที่ 70:30 ตามลำดับ ขณะที่รายได้ค่าโฆษณาปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่น้อยมาก หรือประมาณ 2-3% แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะขยับเพิ่มขึ้น จากการขยายแพลตฟอร์มการออกอากาศในทุกช่องทาง ทั้งทีวีดิจิทัล ดาวเทียม ออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชั่น JKN-CNBC ที่สามารถรับชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินงานในปีหน้า สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ จะจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ซีรี่ย์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสารคดีชั้นนำจากต่างประเทศให้แก่สถานีทีวีดิจิทัล ที่ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์ เพื่อนำไปออกอากาศ และยังมีรายได้ค่าโฆษณา การผลิตรายการข่าวเศรษฐกิจการเงิน และการลงทุน ภายใต้แบรนด์ JKN-CNBC ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ร่วมทุนกับพันธมิตรประเทศอินเดีย สร้างซีรี่ย์ไทย เรื่องสยามรามเกียรติ์
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ยังคงเน้นการทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ซีรีย์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และคอนเทนท์ละครไทยจากช่อง 3 ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม) ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรปและละตินอเมริกา
"ในปี 63 ศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ JKN จะแข็งแกร่งมากขึ้น จากแผนงานทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ จึงปรับโครงสร้างการบริหารงานและสัดส่วนรายได้ให้เอื้อต่อการเติบโตย่างยั่งยืนในอนาคต โดยจะบาลานซ์พอร์ตรายได้ที่กระจายความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 60% ต่างประเทศ 30% และรายได้ค่าโฆษณา 10%" นายจักรพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนในปี 63 ไว้ที่ 800-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อคอนเทนท์ต่างประเทศ เพื่อรองรับการเปิดตลาดใหม่ๆ ของ JKN รวมถึงใช้ในส่วนของโปรดักส์ชั่น สยามรามเกียรติ์ อีกทั้งนอกจากการลงทุนดังกล่าวแล้วปัจจุบันบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกันกับบริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่จำนวนหลายราย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสรุป หรือเห็นความชัดเจนได้เมื่อใด ซึ่งหากมีความชัดเจนมากกว่านี้จะเปิดเผยให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยงบลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโต 20% จากปีก่อน โดย 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 1,287 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4/62 จะมีลูกหนี้การค้าชำระเงินคืนเข้ามาจำนวน 600 ล้านบาท ส่งผลทำให้จะมีลูกหนี้การค้าคงเหลือสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,400 ล้านบาท และ ณ สิ้นไตรมาส 3/62 มีสัญญารอรับรู้รายได้อยู่ที่ 318 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในไตรมาส 4/62 และก็มีที่รอเซ็นสัญญาเข้ามาเพิ่มเติมอีก
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้แปลงสภาพ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท ในวันที่ 17 ธ.ค.62 โดยจะจัดสรรให้แก่กองทุน North Haven Thai Private Equity ในกลุ่ม Morgan Stanley บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริการทางการเงินระดับโลก เพื่อนำเงินจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปลดต้นทุนทางการเงินที่จะเอื้อต่อความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น โดยกองทุนฯ ดังกล่าวจะได้รับสิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นทุน เมื่อครบกำหนด ในราคา 8 บาทต่อหุ้น ซึ่ง JKN จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ 0.50 บาทต่อหุ้นไว้รองรับการแปลงสภาพ
การที่กองทุน North Heaven Thai Private Equity ในกลุ่ม Morgan Stanley บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริการทางการเงินระดับโลก ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทฯ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในทิศทางการดำเนินงานและการเติบโตที่ดีของ JKN จากการเป็นผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อันดับ 1 ในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำตลาดและมีความเข้าใจในพฤติกรรมผู้ชมในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามหลังจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้ จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.28 เท่า จากปัจจุบันอยู่ 0.73 เท่า และหลังจากนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วนจะทำให้ D/E ลดลงมาอยู่ที่ 1 เท่า และยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินในปีหน้าลง 15 ล้านบาท และในปีถัดไปอีก 50 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ ราว 600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป