นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจปี 63 คาดว่าจะดีกว่าปีนี้ โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกาใต้ และตลาดสหรัฐอเมริกาจะเติบโตขึ้นได้อีกมากจากปีนี้ ผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้บริษัทได้อานิสงส์จากคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ 3 รายในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งจะหนุนสัดส่วนรายได้ตลาดสหรัฐฯโตได้อีกมากจากปีนี้ โดยสัดส่วนรายได้ 9 เดือนปีนี้ในตลาดอเมริกาเหนืออยู่ที่ราว 24%
นอกจากนั้น ท่ามกลางวิกฤตสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และค่าเงินบาทที่แข็งค่า บริษัทจึงใช้โอกาสนี้ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเพื่อรองรับการขยายการลงทุนต่อในกิจการต่างประเทศ และเป็นการขยายฐานลูกค้า สร้างโอกาสเติบโตให้บริษัท
"ตอนนี้เรามองหาประเทศใหม่ๆ ที่จะเป็นฐานการขยายกำลังการผลิต เพื่อประโยชน์ในด้านลดต้นทุนการผลิต การจัดส่งสินค้า รวมถึงประโยชน์ในด้านภาษี จากกรณีบางประเทศใช้มาตรการกำแพงภาษีที่สูงมาก เพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศ"นายสุรศักดิ์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีเป้าหมายอัตราเติบโตที่ประมาณ 10-15% ต่อปีในปี 63 เช่นเดียวกับปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามอุตสาหกรรม LPG ที่จะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-6% จากความต้องการใช้อุตสาหกรรมและครัวเรือน ขณะเดียวกันบริษัทมองว่าในอนาคตภูมิภาคเอเชียใต้ และประเทศในทวีปแอฟริกา ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยมีการรณรงค์ให้หันมาใช้แก๊สแทนการใช้เชื้อเพลิงแบบเดิมมากขึ้น เนื่องจากเป็นพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
"ปีหน้าบริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งยังปรับพื้นที่ในการจัดส่งและพื้นที่จัดเก็บสินค้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดส่งมากขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุงเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น เพื่อลดของเสีย ลดเวลาในการทำงานและทดแทนแรงงานที่หายากขึ้นในอนาคต" นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศในแถบแอฟริกาใต้ กำลังการผลิต 2.5 ล้านใบต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ขณะนี้มีความชัดเจนค่อนข้างมาก มีการเจรจาในเรื่องโครงสร้าง โดยคาดว่า SMPC น่าจะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก คาดจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งการเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศนั้น บริษัทมองว่าจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งสินค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ใกล้ชิดขึ้น รวมถึงอาจได้ประโยชน์ทางภาษีมากกว่าที่จะส่งออกเข้าไปยังประเทศนั้น เพราะบางประเทศมีกำแพงภาษีที่สูงมาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าในแถบประเทศนั้นได้
บริษัทยังได้ขยายตลาดภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และล่าสุดบริษัทมีเป้าหมายส่งถังแก๊สขนาดใหญ่ไปขายที่ประเทศแถบเอเชียใต้ และประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนจากถังขนาดเล็ก มาเป็นถังขนาดใหญ่ขนาด 250 กิโลกรัม เป็นโอกาสของบริษัทในการขยายตลาดและทำกำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการประมูลงานประเทศแถบอเมริกาใต้
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า แม้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลกระทบต่อบริษัทบ้างในฐานะผู้ส่งออก แต่บริษัทได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการ Natural Hedging หรือพิจารณาซื้อ Forward ตามความจำเป็นและเหมาะสม นอกจากนี้ด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น จะทำให้เกิด Economy of Scale ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้